นอกจากนี้ยังต้องจัดสรรการพักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีให้ใจผ่อนคลาย ไม่เครียด โดยเฉพาะในเรื่องอาหาร ควรลดแป้งและน้ำตาลขัดขาว หรืองดไปเลยจะยิ่งดีมาก เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการดังกล่าว http://winne.ws/n7579
ไมเกรน ต่อไปจะไม่หยุดแค่ปวดหัว
เหตุที่โรคนี้น่ากลัวขึ้น เพราะต่อไปนี้ อาการไมเกรนจะไม่หยุดแค่เพียงแค่การปวดหัวอีกต่อไปแล้ว
เพราะหลังจาก ดร.ริชาร์ด ลิปตัน และคณะวิจัยจากวิทยาลัยการแพทย์แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ศึกษาข้อมูลจากผู้ป่วยไมเกรนจำนวน 31 คน พบว่าหลังจากเกิดอาการไมเกรนขึ้น โดยเฉพาะไมเกรนชนิดที่ทำให้เห็นแสงสีรุ้ง อาการดังกล่าวจะส่งผลให้เนื้อสมองขาดเลือด
อาการสมองขาดเลือดดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้กับการทำ งานของสมองในระดับหนึ่ง ที่สำคัญยังอาจทำให้ผู้ป่วยคนดังกล่าวเกิดอาการลมปัจจุบันได้ง่ายกว่าคนปกติ ถึง 2 เท่านั่นเอง
ดังนั้นเราควรหาวิธีการลดความถี่ในการเกิดอาการไมเกรน เช่น ทำให้ตนเองผ่อนคลายด้วยการนวด หรือนวดกดจุด นอกจากนี้ยังต้องจัดสรรการพักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีให้ใจผ่อนคลาย ไม่เครียด โดยเฉพาะในเรื่องอาหาร ควรลดแป้งและน้ำตาลขัดขาว หรืองดไปเลยจะยิ่งดีมาก เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการดังกล่าว
ปวดหัวไมเกรน แก้ได้ด้วยการปรับอาหาร
ปวดหัวไมเกรน อาการนี้รบกวนใจใครหลายคนอยู่บ่อยๆ ทรมาน… แต่หากวันนี้คุณได้ทราบถึงสาเหตุส่วนหนึ่งของการเกิดโรคนี้ คือ “อาหาร” ก็หลีกเลี่ยงได้
ตามงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียแห่งเบิร์คเลย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่รายงานผลว่า มีอาหาร 4 ประเภทที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหัวไมเกรน โดยการทดลองพบว่า หากหยุดอาหารดังต่อไปนี้นานราวหนึ่งเดือน อาการไมเกรนก็ไม่กลับมาเยือนอีก
อาหารที่ว่า ได้แก่…
1. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ช็อกโกแลต โกโก้ รวมปถึงกาแฟ และชาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนด้วย
2. ขนมปังบางชนิด เช่น ขนมปังเปรี้ยว (sourdough bread) ขนมปังยีสต์ (baked yeast bread) ส่วนขนมปังอื่นๆ โดยเฉพาะที่ทำจากแป้งโฮลวีต หรือชนิดที่ผสมธัญพืชไม่ก่อไมเกรนค่ะ
3. ผลไม้บางชนิด เช่น องุ่น พลัม มะละกอ ลูกฟิกซ์ รวมทั้งกล้วยและอะโวคาโดที่สุกงอมเกินไป ฉะนั้นควรกินแต่พอดีค่ะ
4. เนื้อ สัตว์บางประเภท เช่น เนื้อวัว เนื้อไก่ รวมไปถึงฮอทด็อก ไส้กรอก โบโลนย่า เปปเปอโรนี่ และซาลามี ก็สามารถก่ออาการปวดหัวไมเกรนได้เช่นกัน
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต แนะนำวิธีแก้อาการปวดหัวไมเกรนอย่างง่าย ซึ่งทำได้ด้วยการปรับการกินอาหารเป็นสูตรชีวจิต
ที่มา : ข้อมูลจากนิตยสารชีวจิต