ด้วยความเร่งรีบในแต่ละวัน ทำให้ผู้คนไม่ได้ใส่ใจกับอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อมากนัก อาหารส่วนใหญ่จึงมักมีไขมัน เนื้อสัตว์ และแป้งในจำนวนมาก ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ที่จะตามมาในอนาคต อาทิ ไขมันอุดตันเส้นเลือด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคืออาหารเหล่านี้จะย่อยยาก เนื่องจากมีจำนวนกากใยไม่มากนัก ทำให้เกิดอาการจุกเสียดในลำไส้ อึดอัดไม่สบายท้อง
นอกจากตัวของอาหารเองแล้วพฤติกรรมการรับประทานก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่มีส่วนทำให้อาหารไม่ย่อย ไม่ว่าจะรับประทานอาหารในจำนวนที่มากเกินไป หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ทำให้เสียเวลาในกระบวนการย่อยนาน เพราะเอนไซม์ในน้ำลายย่อยอาหารไม่ทัน
รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและอัดแก๊สบางชนิด จนมีแก๊สในระบบทางเดินอาหารมากเกินไป ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้อาหารไม่ย่อยได้เช่นกัน ซึ่งวิธีการแก้อาการอาหารไม่ย่อยนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานของคุณก่อน เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ไม่ควรรับประทานให้อิ่มเกินไป โดยเว้นช่วงมื้ออาหารให้ห่างกันนานกว่า 4 ชั่วโมง ควรรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเวลานอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ลดเครื่องดื่มอัดแก๊ส และเคี้ยวอาหารให้นานขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของสมุนไพรไทยที่ช่วยในการย่อยได้ดีมีหลายชนิด ซึ่งสามารถนำไปปรุงร่วมกับอาหารในแต่ละมื้อได้ ไม่ว่าจะเป็น ขิง ตะไคร้ กะเพรา หรืออาจนำมาต้มกับน้ำร้อนทำเป็นเครื่องดื่มประเภทชาก็ได้เช่นกัน นอกจากนั้นยังมีผักผลไม้อย่างมะละกอ แอปเปิล กะหล่ำปลี แคร์รอต ก็มีสรรพคุณคล้ายยาลดกรด ลดการระคายเคืองได้เช่นกัน