จำนวนผู้เข้าชม : 236 ครั้ง
End Page
 
 
วิธีการชาร์จมือถือที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันอันตรายถึงชีวิต!!

แบตเตอรี่ชนิด Li-ion
และ Li-Polymer เป็นแบตที่ใช้กันอยู่ในมือถือและแท็บเลทในปัจจุบัน มีข้อแนะนำการชาร์จมือถือจากผู้เชียวชาญในต่างประเทศ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการชาร์จไป และโทรไป เพราะแบตเตอรี่ต้องทำงานมากกว่าปกติถึง 40 เท่าในขณะชาร์จ เมื่อเทียบกับตอนไม่ได้ชาร์จ เนื่องจากขณะใช้มือถือหรือแท็บแล็ตพกพานั้น ใช้แรงดันไฟเพียง 5 และ 10 โวลต์ตามลำดับ แต่เมื่อเสียบสายชาร์จแล้ว หม้อแปลงเล็กในตัวชาร์จ จะรับแรงดันไฟถึง 220 โวลต์จากเต้าเสียบ เพื่อแปลงลงเหลือ 5 โวลย์ให้กับมือถือ ทำให้อุณภูมิขณะชาร์จสูงกว่าเดิม ในระดับ 40-50 องศา และเมื่อใช้มือถือโทรศัพท์ จะเพิ่มการใช้ไฟและความร้อนให้กับมือถือโดยอัตโนมัติ หากแบตใกล้จะหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ จะทำให้ทนต่อแรงดันไฟและความร้อนไม่ได้เหมือนเดิม ก่อให้เกิดการระเบิดตามเป็นที่เป็นข่าว

2. ควรใช้ปลั๊กสามตาแบบสายยาวต่อเป็นเต้าเสียบให้มือถือ จะมีความปลอดภัยสูงกว่าการเสียบมือถือเข้าเต้าเสียบโดยตรง เพราะเต้าเสียบหลายตาแบบสายยาว จะมีฟิวส์และตัวตัดไฟป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หรือการใช้ไฟมากกว่าปกติอยู่แล้ว

3.ไม่ควรชาร์จในขณะที่แบตต่ำกว่า 30% เพราะจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว จากผลการทดสอบจากต่างประเทศได้ระบุว่า หากชาร์จแบตเตอรี่ที่ระดับ ระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 35-70% จะดีที่สุด

4.ไม่ควรชาร์จไฟในขณะที่แบตหมดเกลี้ยง ในระดับเปิดเครื่องเปิดไม่ติด (แบตเหลือ 0%) โดยเด็ดขาด เพราะทำให้แบตพังไวมาก เนื่องจากแบตจะต้องรับภาระการการเรียกคืนประจุหรือรอบการชาร์จ มากกว่าการชาร์จขณะแบ็ตยังไม่หมด ซึ่งนอกจากจะใช้ไฟชาร์จมากกว่าเดิมถึง3เท่า ยังทำให้แบตร้อนกว่าเดิมถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับการชาร์จในตอนที่แบตไม่หมด

5.ไม่ต้องกังวลว่าการชาร์จมือถือทิ้งไว้ ในขณะที่แบตเต็ม จะมีปัญหากับแบตหรือไม่ เพราะมือถือและแท็บเลทในปัจจุบันนั้น มีระบบตัดไฟ เมื่อชาร์จแบตจนเต็ม 100%

6. หลีกเลี่ยงการทำมือถือตกพื้น เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสียหาย อาจจะทำให้สารเคมีในแบตรั่วไหล หรือขั้วแบตอาจจะหลุดออกมาก็เป็นได้ ซึ่งจะส่งผลให้จ่ายไฟไม่นิ่ง และการใช้งานกับตัวเครื่องมือถือหรือแท็บเลทมีปัญหาได้

7. เวลาชาร์จควรเสียบที่ชาร์จกับปลั๊กไฟก่อน แล้วค่อยเอาหัวชาร์จมาเสียบกับมือถือ-แท๊บเลทอีกที เพื่อป้องกันไฟกระชาก

8. สังเกตุเครื่องหมายรับรองคุณภาพ CE บนแบตแท้ว่ามีหรือไม่ ซึ่ง CE หมายถึง Conformite European เป็นเครื่องหมายที่แสดงการรับรองจากผู้ผลิตว่าสินค้านั้น มีคุณสมบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสหภาพยุโรป การมีเครื่องหมาย CE กำกับบนสินค้าจะทำให้สินค้านั้นสามารถวางจำหน่าย และสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรีในเขตเศรษฐกิจยุโรป



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา :  
 ผู้บันทึก :
date : [ 26 ก.ย. 2559 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 
สาระน่ารู้
ข่าวรถมือสอง
เทคนิคเลือกยางเพื่อรถคู่ใจ ดูที่อะไรคุ้มสุด

ข่าวรถมือสอง
รถเปลี่ยนมือ อย่าลืมเปลี่ยนสิทธิ์ 5 เรื่องควรรู้ เพื่อปลดหนี้อย่างปลอดภัย

ข่าวรถมือสอง
คู่มือดูแลยางรับหน้าฝน: ดูแลยางอย่างไรให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยและอุ่นใจ

ข่าวรถมือสอง
CARS24 แนะนำ 6 รถครอบครัวรุ่นฮิต ผ่อนเริ่มต้น 10,000 บาท

ข่าวรถมือสอง
ประโยชน์ของชุดปะยางฉุกเฉิน

ข่าวรถมือสอง
นิสสัน เทอร์ร่า แชร์เคล็ดลับการเดินทางกับเด็กเล็ก เคล็ดลับการเดินทางที่รับประกันว่าจะทำให้ทั้งครอบครัว

ข่าวรถมือสอง
7เหตุผลที่ลูกค้าเลือกใช้ มิตซูบิชิ ไทรทัน

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดแนะเคล็ดลับขับขี่ปลอดภัยในเวลากลางคืน

ข่าวรถมือสอง
5 ฟีเจอร์ในรถฟอร์ดเอเวอเรสต์ผู้ช่วยของสุดยอดคุณแม่

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดเผย 5 เคล็ด(ไม่)ลับของการขับออฟโรด

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดแนะนำ4เคล็ดลับการรักษาสีรถให้เหมือนใหม่

ข่าวรถมือสอง
ไบค์เกอร์เท่านั้นที่รู้! เปิด 5 เหตุผล ทำไมไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ถึงเป็นพรีเมียมบิ๊กไบค์ ที่ใครๆ ก็อยาก

ข่าวรถมือสอง
ฟอร์ดแนะเทคนิคขับรถทางไกลให้ประหยัดน้ำมัน

ข่าวรถมือสอง
5 วิธีขับรถลุยน้ำอย่างปลอดภัย

ข่าวรถมือสอง
แอร์รถสะอาด สำคัญกว่าที่คิด

   
   
 
   
 
 
 
 
ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด
   Copyright © 2013 :By media ltd.