ลักษณะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและได้รับความสนใจมานานจากวิศวกรและแพทย์ที่ทำงานด้าน ความปลอดภัยในรถยนต์ มักเป็นการชนด้านหน้า ( FRONTEND COLLISION) แต่ในระยะหลัง ความสนใจต่อการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอที่เกิด จากการถูกชนทางด้านหลัง (REAR-END COLLISION) ได้เพิ่มมากขึ้น
การถูกชนในลักษณะนี้อาจทำให้มีการฉีกขาด ของเอ็นยึดกระดูกต้นคอ และจากการสะบัดไปมาของคอคล้ายการสะบัดแส้ จึงเรียกการบาดเจ็บชนิดนี้ว่า Whiplash Injury เมื่อถูกชนจากด้านหลังสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าถูกชนอย่างรุนแรงคือ ตัวรถที่หยุดนิ่งอยู่ ได้รับแรงมากระทำให้พุ่งไป ด้านหน้าอย่างรุนแรงเกิดความเร่งขนาดสูงมากระทำกับตัวรถ ความเร่งนี้จะถ่ายทอดมาที่เบาะทำให้ลำตัวพุ่งไปข้าง หน้าอย่างแรง ในขณะที่ศีรษะที่มีความเฉื่อยอยู่จะอยู่นิ่งในช่วงแรก ผลรวมที่เกิดขึ้นจากการที่ลำตัวพุ่งไปข้างหน้า ในขณะที่ศีรษะอยู่นิ่ง ทำให้เกิดการเงยคออย่างรุนแรง แล้วสะบัดกลับไปข้างหน้าอีกครั้ง
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดในช่วงเวลาเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น ผลที่ตามมาคือ เอ็นยึดกระดูกคอฉีกขาด เกิดอาการ ปวดต้นคออย่างรุนแรง พระเอกตลอดกาลได้แก่เข็มขัดนิรภัย ยังมีบทบาทสำคัญในการล็อกลำตัวไว้กับที่นั่งไม่ให้พุ่ง ไปข้างหน้า พระรองที่สำคัญต่อมาได้แก่หมอนพิงศีรษะนี่เอง เหตุผลคือ แม้ว่าลำตัวจะถูกยึดอยู่กับเบาะ แต่เบาะที่ยึด กับตัวรถก็ยังพุ่งไปข้างหน้า ศีรษะที่ไม่มีอะไรรองรับก็ยังแกว่งไปข้างหลังอย่างแรงได้ แต่ถ้ามีหมอนพิงศีรษะ มารับไว้ ก็จะช่วยไม่ให้คอเงยมากเกินไปจนเกิดอันตรายขึ้น
Head restraint ไม่ใช่ Head rest !!!
ผู้เชี่ยวชาญทางอุบัติเหตุท่านหนึ่ง ได้เขียนถึงเรื่องการปรับหมอนพิงศีรษะไว้อย่างน่าสนใจว่า ยังมีความเข้าใจ ผิดกันมากเกี่ยวกับ HEAD REST นี้ ที่จริงแล้วหมอนพิงศีรษะมีชื่อจริงว่า HEAD RESTRAINT ถ้าเมื่อใดมันถูกใช้ เป็นตัว REST คอ เมื่อนั้นก็ผิดจุดประสงค์ทันที เพราะมันถูกออกแบบมาเป็นตัวให้ RESTRAINT หมายถึงให้การ ปกป้องต่อศีรษะและคอ ถ้าถูกปรับให้ต่ำลงมาเพื่อหนุนคอให้สบาย มันจะกลายสภาพ เป็นจุดหมุนต่อต้นคอทันที นั่นคือศีรษะจะสะบัดไปด้านหลังโดยมีหมอนพิงศีรษะเป็นตัวค้ำที่คอให้ศีรษะ สะบัดไปข้างหลังได้ดีและแรงยิ่งขึ้น