|
สาเหตุและการกำจัดกลิ่นอับชื้นจากแอร์ รถยนต์
กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่จะกล่าวนี้ไม่รวมถึง กลิ่นที่ได้มาจาก ของกิน หรือ สารเคมีอื่นๆ ที่หกเลอะในรถนะครับ ทีนี้มาดูว่ากลิ่นนั้นเกิดมาจากอะไร กลิ่นอับชื้นออกเหม็นเปรียวนั้นเป็นก็าซที่ได้จากกระบวนการสังเคาะอาหารของเบคทีเรีย ทั้งประเภทที่ใช้ออกซิเจนและไม่ใช้ออกซิเจนในการดำรงชีวิต โดยใช้น้ำหรือความชื้นเพียงนิดหน่อยก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ บางชนิดจะสร้างสารคล้ายเจลลี่ห่อหุ้มตัวไว้ และเกาะตามซอกหลือต่างๆในกล่องและตู้แอร์ ดังนั้นการกำจัดกลิ่น ก็คือต้องกำจัดแบคทีเรียนั้นเสีย ที่ทำกันอยู่ก็คือ วิธีถอดล้างตู้แอร์แบบเก่า คือเอาออกมาทั้งโครง และตู้แอร์ที่มีซอกหรือคลีบเยอะๆ มาล้างทั้งขัดทั้งถู ออกหมดทั้งฝุ่น ทั้งเจลลี่หรือวุ้นใสๆนั้นแหละครับตัวแบคทีเรียอยู่เป็นโคโลนี เลย แน่นอนว่าเกลี้ยงถ้าช่างไม่หมกเม็ด วิธีล้างตู้แอร์โดยไม่ถอดมาล้างข้างนอก โดยการฉีดน้ำยาล้างเป็นโฟมแล้วทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนดจึงล้างออก โดยน้ำยาที่ล้างจะผสมสารทำให้เกิดฟองเพื่อให้ฝุ่นละอองนั้นหลุดล่อนออกมา และยังมีการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อไม่ว่าจะได้มาจากธรรมชาติหรือมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และอย่างสุดท้ายผสมน้ำหอมเพื่อกลบเกลื่อนผลงานว่าสะอาดแล้วเพราะหอมมากๆหลังทำเสร็จ แล้วเหตุใดหลังทำเสร็จจึงมีกลิ่นนั้นอีก อธิบายได้ว่า แบคทีเรียนั้นตายไม่หมด มีเหลือรอด จาก เพราะบางชนิดสามารถสร้างสปอร์หรือเมล็ดพันธ์ ซึ่งมีความทนทานมาก น้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับล้างตู้แอร์ ขอบอกว่าเด็กๆ เอาสปอร์มาแช่เป็นเดือนมันยังไม่ตายเลยครับ และพอเจ้าสปอร์ได้รับความชื้นที่พอเหมาะก็จะโตขึ้นมาได้อีก หรือแบคทีเรียบางตัวสร้างเจลลี่หรือgerm ห่อหุ้มตัวมันไว้ เมื่อฉีดน้ำยาโฟมล้างตู้แอร์เข้ามาเจ้าตัวแบคทีเรียก็ไม่สัมผัสกับน้ำยาฆ่าเชื้อจ้างก็ไม่ตาย และยิ่งอยู่ในซอกหลืบน้ำยาเข้าไม่ถึงน่ะ ได้รับแบคทีเรียเข้ามาใหม่ อันนี้มาจากสิ่งแวดล้อมภายนอกรถ หรือจากตัวเราก็ได้ ท่านเชื่อหรือไม่ ผมเคยเอาน้ำจากตู้แอร์มาเพาะเชื้อ มันได้กลิ่นเดียวกับที่เท้าผมเลย ก็เพราะระบบหมุนเวียนอากาศนั้นแหละดูดเข้าไป (งามเลย) แล้วจะต้องทำอย่างไรกับพวกที่เหลือ ก็ต้องฆ่ามันนั้นแหละครับ ต้องเลือกน้ำยาที่มีประสิทธิภาพสูง (high level) ชอนไชได้ดี จึงจะฆ่าสปอร์ได้ แอลกอฮอล์ 70% ที่ใช้ล้างแผลฆ่าสปอร์ไม่ตาย แล้วท่านคิดว่าน้ำยาล้างตู้แอร์แบบไม่ต้องถอดล้าง ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้น นิดหน่อย จะได้ผลใหม่ ผมจึงเลือกแบบรมควันหรือแบบอบแก๊สที่ใช้กันทางการแพทย์นั้นแหละ วิธีการดังกล่าวเมื่อเชื้อแบคทีเรียตายหมด กลิ่นก็น่าจะหมดไป แต่อย่าลืมว่ากลิ่นจากแบคทีเรียในช่องแอร์เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น และกลิ่นต่างที่ไม่พึ่งประสงค์ มักเป็นสารประกอบอีเทอร์ , สารประกอบซัลไฟล์หรือสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่อาจฝังแน่นกับวัสดุในตัวรถและระเหยกลิ่นมาให้เราดมอยู่เลยๆ ใช้เทคโนโลยีมีแต่งบบานปลาย กลับมาหาธรรมชาติใช้ถ่านดูดกลิ่นไม่ชอบรูปลักษณ์ ก็เอาใส่ภาชนะเป็นเครื่องประดับไปในตัว จะซ่อนใว้ก็ได้ หรือจะเลือกแบบผลไม้ที่เอามาเผาเป็นถ่านมาขายเป็นเครื่องประดับก็เก๋ดี อุดหนุนหน่อยภูมิปัญญาคนไทย
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา :
นิตยสาร รถ Weekly
ผู้บันทึก :
กองบรรณาธิการ
date : [ 29 มี.ค 2556 ]
|
|
|