|
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะผู้ขับขี่เรียนรู้ข้อควรปฏิบัติในการขับรถบนทางด่วน โดยวางแผนและศึกษาสภาพเส้นทาง จดจำหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินสำหรับติดต่อขอความช่วยเหลือ หมั่นสังเกตเครื่องหมายจราจร และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ ใช้ความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็วบนเส้นทาง ไม่เปลี่ยนช่องทางหรือแซงในระยะกระชั้นชิด ไม่ขับรถช้าในช่องทางขวา ไม่ขับแซง ในช่องทางซ้ายหรือไหล่ทาง ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์การสื่อสารอื่นๆ ไม่หยุดหรือจอดรถบนทางด่วน กรณีรถเสียหรือขัดข้อง ให้นำรถจอดริมขอบทางด้านซ้าย แล้วโทรศัพท์แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานนำรถลงจากทางด่วน กรณีพบเห็นรถประสบอุบัติเหตุ ให้ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุด้วยความระมัดระวัง หากจำเป็นต้องหยุดรถ ให้เปิดไฟกะพริบ เพื่อเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นทราบว่ามีเหตุฉุกเฉินบนเส้นทาง จะได้เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ทางด่วนเป็นเส้นทาง ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง โดยเฉพาะหากผู้ขับขี่ขาดความระมัดระวัง และขับรถด้วยความเร็วสูง จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในลักษณะรุนแรง เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอันตรายจากการขับรถบนทางด่วน ดังนี้ ก่อนเดินทาง วางแผนและศึกษาสภาพเส้นทางโดยเฉพาะจุดขึ้น – ลงทางด่วน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากความไม่ชำนาญเส้นทาง จดจำหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน สำหรับใช้ติดต่อขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือรถเสียบนทางด่วน ขณะเดินทาง หมั่นสังเกตเครื่องหมายจราจร โดยเฉพาะป้ายเตือน ป้ายบอกทาง ป้ายจำกัดความเร็ว พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ โดยเฉพาะทางขึ้น – ลงทางด่วน ทางเบี่ยง ทางแยกรูปตัว Y เพราะเป็นจุดเสี่ยงที่มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ใช้ความเร็วตามป้ายจำกัดความเร็วที่กำหนด โดยไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง เพราะรถอาจเสียหลัก ทำให้พุ่งตกจากทางด่วน ไม่เปลี่ยนช่องทางหรือแซงในระยะกระชั้นชิด พร้อมให้สัญญาณไฟล่วงหน้าในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นเพิ่มความระมัดระวัง ไม่ขับรถช้าในช่องทางขวา เพราะเป็นช่องทางสำหรับรถที่ใช้ความเร็วสูง ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่ขับแซง ในช่องทางซ้ายหรือไหล่ทาง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ เพราะทำให้ไม่มีสมาธิในการขับรถ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่หยุดหรือจอดรถบนทางด่วน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากจำเป็นให้นำรถจอดบริเวณจุดพักรถที่กำหนด กรณีรถเสียหรือขัดข้อง นำรถจอดริมขอบทางด้านซ้าย พร้อมเปิด สัญญาณไฟฉุกเฉิน และนำป้ายสามเหลี่ยม วัสดุสะท้อนแสง หรือวัสดุอื่นๆ มาวางให้ห่างจากจุดที่จอดรถในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นเพิ่มความระมัดระวัง จะได้เปลี่ยนช่องทางเดินรถได้ทัน โทรทัพท์แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ควบคุมทางด่วน 0 – 2664 – 6400 หรือศูนย์บริการผู้ใช้ทางด่วนพิเศษ 1543 เพื่อประสานนำรถลงจากทางด่วน จะได้ไม่จอดรถกีดขวางเส้นทาง กรณีพบเห็นรถประสบอุบัติเหตุ ขับรถผ่านจุดเกิดเหตุด้วยความระมัดระวัง โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือป้ายเตือนอย่างเคร่งครัด หากจำเป็นต้องหยุดรถ ให้เปิดไฟกะพริบ เพื่อเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นทราบว่ามีเหตุฉุกเฉินบนเส้นทาง จะได้เพิ่มความระมัดระวัง ทั้งนี้ การขับรถบนทางด่วนมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ในลักษณะรุนแรง เนื่องจากเป็นเส้นทางตรงในระยะยาวที่มีระดับความสูงกว่าถนนทั่วไป อีกทั้งผู้ขับขี่สามารถใช้ความเร็วสูง เมื่อประสบอุบัติเหตุ จึงมีความเสี่ยงที่รถจะตกลงมายังพื้นถนนด้านล่าง ก่อให้เกิดอันตรายเพิ่มมากขึ้น
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา :
รถweekly
ผู้บันทึก :
รถweekly
date : [ 11 มิ.ย. 2561 ]
|
|
|