ความหมายของ “ขับอย่างมั่นใจไร้กังวล” นั้นง่ายนิดเดียว คุณแค่เพียงควบคุมในสิ่งที่คุณทำได้ และจัดการในสิ่งที่คุณทำไม่ได้ เพียงปรับมุมมอง เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส และปรับตัวกับทุกความวุ่นวายด้วยความใจเย็น
นั่งให้สบาย ผ่อนคลาย และมุ่งความสนใจไปที่เรื่องสำคัญ โดยไม่ปล่อยให้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นภายนอกรบกวนความคิด คุณสามารถทำให้การเดินทางบนถนนน่ารื่นรมย์ขึ้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- 1. เริ่มจากการเคลียร์ขยะบนรถ
คุณคงไม่ใช้เวลามากมายนักในการเก็บขยะบนรถ ถึงแม้รถคุณอาจจะไม่ได้รก แต่ห้องโดยสารที่สะอาดย่อมทำให้รถน่านั่งมากขึ้น คุณจะใช้ความคิดได้สะดวกขึ้นเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นระเบียบเรียบร้อย เพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการทิ้งขยะและนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นต่างๆ ออกจากรถนำเหรียญที่อยู่ในที่วางแก้วออก ทิ้งใบเสร็จเก่าๆ ที่อยู่ในถังขยะรวมถึงขวดน้ำเก่าที่อยู่บนพื้น หรือของจิปาถะต่างๆ ที่เก็บไว้โดยไม่ได้ใช้ อย่าลืมดูใต้เบาะที่นั่งเพื่อเช็คของที่ตกอยู่ และเคลียร์พื้นที่ท้ายรถให้เรียบร้อยด้วย
- 2. ลดความกังวลในยามเช้า
การไปทำงานสายทำให้เกิดความเครียด จึงควรตื่นเช้าขึ้นอีกนิดให้มีเวลาเตรียมตัวไปทำงานการออกจากบ้านช้าอาจทำให้ถึงที่ทำงานช้า จึงควรเผื่อเวลาไว้สำหรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในการจราจรระหว่างทาง การออกจากบ้านเช้าขึ้นช่วยสร้างความแตกต่างในการเดินทาง โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน สามารถใช้งานระบบแผนที่นำทางแบบสามมิติ” (Navigation System) ทำให้คุณคาดการณ์การจราจรบนเส้นทางที่คุณใช้ทุกวันได้ล่วงหน้าและวางแผนการเดินทางได้
3. สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
คุณสามารถทำให้รถมีบรรยากาศสงบผ่อนคลายได้ด้วยการใช้กลิ่นหอมในรถ กลิ่นคือหนึ่งในสัมผัสที่ทรงพลังที่สุด กลิ่นรถใหม่เป็นสิ่งหนึ่งที่คนชอบที่สุด แต่ยังมีกลิ่นอื่นๆ ที่ช่วยทำให้คุณสดชื่นขึ้นได้ยามที่รู้สึกหงุดหงิด จากบทความนี้ กลิ่นดังต่อไปนี้ช่วยให้จิตใจของคุณสงบลงได้เมื่อเกิดความเครียด
- กลิ่นมะนาวช่วยเพิ่มสมาธิ และทำให้ผ่อนคลาย
- กลิ่นลาเวนเดอร์ช่วยลดความเครียด
- กลิ่นมะลิช่วยทำให้ใจเย็นลง และทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นได้
- กลิ่นอบเชยช่วยให้หายเหนื่อยล้า และทำให้มีสมาธิมากขึ้น
4.อย่าเร่งเครื่องเร็วนัก
การขับรถโดยใช้อารมณ์จะทำให้คุณเปลืองเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็น ยิ่งกดคันเร่งแรงเท่าไร ยิ่งใช้เชื้อเพลิงมากเท่านั้น งานวิจัยฉบับนี้รายงานว่าการกดคันเร่งแรงทำให้รถเผาผลาญเชื้อเพลิงมากขึ้นถึง 20 – 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว นอกจากนี้ การควบคุมเท้าขวาของคุณไม่เพียงแต่จะทำให้คุณประหยัดเชื้อเพลิงได้ แต่คุณจะรู้สึกผ่อนคลายขณะขับรถมากยิ่งขึ้น และสามารถตอบสนองได้ทันต่อสถานการณ์บนถนน นอกจากนั้นการขับช้าลงทำให้คุณใจเย็นขึ้นด้วย
5. เปลี่ยนเพลงให้อารมณ์ดีขึ้น
เพลงส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคนขับ เพลงจังหวะเข้มข้นอาจทำให้เพ่งสมาธิ และตอบสนองต่อสถานการณ์บนถนนได้เร็วขึ้น แต่ก็สามารถทำให้คุณอารมณ์อ่อนไหว และเครียดง่ายขึ้นได้เช่นกันถ้าเริ่มรู้สึกว่าอารมณ์คุกรุ่นลองเปลี่ยนไปฟังเพลงที่ฟังสบายขึ้นทันทีการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนเพลงอย่างฉับพลันเป็นผลให้อารมณ์คนขับเย็นลงได้ง่ายกว่าการค่อยๆ เปลี่ยน หากเพลงร็อคทำให้ใจคุณเต้นแรงเกินไป ลองฟังเพลงที่เบาสบายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นคุณอาจจะเปิดออดิโอบุ๊ค หรือพอดแคสท์เบาสมองแทนก็ได้ การหัวเราะไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นเท่านั้นแต่ยังมีการวิจัยกล่าวว่ายังช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังลดความตึงเครียดอีกด้วย
6. อย่าใส่ใจคนขับจอมจี้ท้าย และมอเตอร์ไซค์ขาซิ่ง
การไม่สนใจไม่ได้หมายความว่าเราไม่รับรู้ แต่หมายถึงการไม่ปล่อยให้เพื่อนร่วมถนนทำให้คุณเครียดและมีผลกระทบต่อการขับรถของคุณสุดท้ายแล้วการตื่นตัวตลอดเวลาก็ทำให้ขับขี่ปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะขับด้วยความเร็วคงที่ หรือใช้ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) อย่างไร ก็จะมีคนพยายามแซง หรือจี้ท้าย เปิดไฟไล่ คนขับรถฝ่าไฟแดง หรือไม่ก็มีคันชอบเปลี่ยนเลนไปมา โดยไม่ให้สัญญาณอยู่ดี
ปล่อยวางเรื่องน่าหงุดหงิดพวกนั้นไป เพราะคุณไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบในสิ่งที่พวกเขาทำผิด และไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะไปแก้ไขความผิดของคนอื่นๆแล้วหันมามีสมาธิไปกับการขับขี่ของคุณเองดีกว่า หลีกเลี่ยงการขับฉวัดเฉวียนของรถคันอื่นที่อาจจะเป็นอันตรายกับคุณ ด้วยการหลีกเข้าเลนในสุด เพื่อให้รถที่เร็วกว่าแซงไปก่อนแล้วค่อยกลับมาใช้เลนเดิมได้เมื่อต้องการ ตัวช่วยอย่างระบบตรวจจับรถในจุดบอด (BLIS – Blind Spot Information System) จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าจุดบอดไม่มีรถ และระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติก็จะช่วยให้คุณรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าได้อย่างปลอดภัยอีกทั้งรถฟอร์ดบางรุ่นมีระบบจำกัดความเร็วให้คุณไม่ขับเร็วจนเกินไปเช่นกัน
7. หายใจลึกๆ และผ่อนคลาย
เรื่องจิตใจคือสิ่งที่ทรงพลังดังนั้นการทำให้พยายามทำให้ใจสงบผ่อนคลายลงจึงอาจจะเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด ถึงแม้จะไม่แนะนำให้เข้าสมาธิระหว่างการขับรถเพื่อความปลอดภัย แต่การฝึกกำหนดลมหายใจจะช่วยให้คุณมีสมาธิและรู้สึกสงบลงได้เช่นเดียวกัน
วิธีที่สามารถทำได้ง่ายคือเทคนิคหายใจเข้าออกสลับกันครั้งต่อครั้ง โดยหายใจเข้าและออกเป็นเวลาเท่ากัน และหนักเบาเท่ากัน การหายใจลึกๆอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ออกซิเจนไหลเวียนได้เต็มที่ ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ และทำให้ความดันเลือดคงที่ ตรงกันข้ามกับการหายใจสั้นๆ ซึ่งอาจจะนำอากาศเข้าไปไม่ถึงส่วนลึกของปอด อาจจะทำให้คุณมีอาการวิตก และหายใจไม่ทันได้ อย่างไรก็ตาม วิธีฝึกหายใจนั้นไม่ได้เหมาะกับการทำในรถไปทุกวิธี ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการกำหนดลมหายใจที่ยาก เพื่อตั้งใจมองถนน และอย่าง่วนอยู่กับการนับลมหายใจจนเกินไปจนทำให้เสียสมาธิในการขับรถ
เพียงปรับทัศนคติของตนเอง และใช้วิธีง่ายๆ ใครๆ ก็ขับอย่างมั่นใจ ไร้กังวลได้ทั้งนั้น