- 1. ล้างรถเอาคราบสกปรกที่อาจติดแน่นและทำร้ายพื้นผิวรถยนต์หากต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน โดยอาจลงแว็กซ์เคลือบสีรถเพื่อเพิ่มการรักษาและการป้องกันพื้นผิวที่มากขึ้น
- 2. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องหากคิดว่าจะจอดรถนานเป็นเดือน ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ลงไปจะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ได้หากต้องจอดรถนานเป็นเดือนๆโดยไม่ขับเนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วมักมีสิ่งปนเปื้อนและมีสภาพเป็นกรด ซึ่งอาจทำร้ายชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ได้
- 3. ไม่ควรดึงเบรคมือ เพราะเบรคอาจติดได้ และอาจเจอปัญหาขยับรถไม่ได้เมื่อต้องการเคลื่อนรถ หากต้องการไม่ให้รถไหลให้ใช้บล็อกไม้หรือวัสดุอื่นที่ไม่ทำความเสียหายให้กับยางรถยนต์วางไว้ที่ล้อแทนการดึงเบรคมือ
- 4. เติมน้ำมันเต็มถังสามารถป้องกันความชื้นที่จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้ และช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในถังน้ำมัน (กรณีถังเป็นโลหะ)
- 5. เช็คและเติมลมยาง ให้ได้ค่าตามที่ผู้ผลิตรถกำหนดโดยดูได้จากเสาประตูข้างคนขับ หรือ ในฝาปิดถังน้ำมัน หรือในคู่มือการใช้รถ ควรตรวจเช็คลมยางอาทิตย์ละครั้ง เพื่อรักษาลมยางให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมช่วยคงสภาพและรูปทรงของยางได้
- 6. หาที่จอดรถที่เหมาะสมเพราะแสงแดดและฝนหรือความชื้นส่งผลกระทบต่อสภาพและอุปกรณ์ของรถ เช่น อุปกรณ์ที่เป็นยางเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร สีตัวรถซีดเร็ว การเกิดเชื้อราและสนิม ผู้ขับขี่จึงควรจอดรถในโรงรถหรือในอาคารที่ร่ม หรือใช้ผ้าคลุมรถกันน้ำแทนในกรณีที่ต้องจอดในที่แจ้ง อีกทั้ง ยังควรหลีกเลี่ยงการจอดใต้ต้นไม้ใหญ่เนื่องจากกิ่งหรือยางไม้อาจหักหรือหล่นมาโดนรถ และการจอดในบริเวณพงหญ้าและจุดทิ้งขยะเพราะมีโอกาสที่หนูจะเข้าไปอาศัยหรือทำรังใต้กระโปรงรถ
- 7. สตาร์ตรถเป็นระยะ เพราะการจอดรถทิ้งไว้โดยไม่มีการสตาร์ตเครื่องยนต์เป็นเวลานาน ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพและแบตเตอรี่อาจหมดได้เพราะระบบของรถ เช่น ระบบกันขโมย วิทยุ กล่องควบคุมอีเลคโทรนิค ยังคงดึงไฟจากแบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลาแม้ในเวลาที่ไม่ได้สตาร์ตเครื่องยนต์ก็ตาม ดังนั้น จึงควรหมั่นสตาร์ตเครื่องยนต์เป็นระยะ ความถี่ขึ้นอยู่กับความสะดวกและสภาพของรถแต่ละคัน ตั้งแต่ทุก 2 วัน ไปจนถึงทุก2 อาทิตย์โดยควรสตาร์ตเครื่องประมาณ 15 นาที และถ้าเป็นไปได้ควรนำรถออกไปขับประมาณ 15–30 นาที เพื่อชาร์จไฟคืน พร้อมทั้งช่วยให้เครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ได้ยืดเส้นยืดสาย ให้ได้รับการหล่อลื่นและช่วยไม่ให้เกิดการติดขัดเฉพาะจุดนอกจากนี้ ให้เปิดแอร์ในขณะที่สตาร์ตรถด้วย เพื่อช่วยให้ชิ้นส่วนในระบบได้ทำงานบ้าง
- 8. ขยับรถเพื่อรักษาสภาพยางเนื่องจากการจอดรถอยู่กับที่นานๆ จะทำให้เกิดการยุบตัวของยางส่วนที่สัมผัสกับพื้น เนื่องจากน้ำหนักของรถทั้งหมดจะตกไปอยู่ที่จุดเดียวของยางแต่ละเส้น ส่งผลให้ยางโครงยางเสียรูปและไม่กลมจึงควรขับเคลื่อนรถเพื่อให้ยางได้หมุนบ้าง โดยอาจจอดห่างจากจุดเดิมประมาณ 50เซนติเมตร เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งจุดรับน้ำหนักของยาง
- 9. ป้องกันไม่ให้สัตว์เข้ารถตามช่อง ซอก และรูของรถ เช่น ท่อไอเสีย ช่องลมเป็นต้น เพราะนอกจากจะส่งกลิ่นเหม็นแล้ว สัตว์พวกนี้อาจเข้าไปกัดชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงสายไฟได้ผู้ขับขี่จึงควรหาวิธีเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เข้า
ก่อนที่จะนำรถออกมาใช้อีกครั้ง ผู้ขับขี่ควรตรวจเช็คสภาพรถทั้งภายนอก ภายใน ระบบไฟ เครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งรวมถึงสภาพยางปัดน้ำฝน แบตเตอรี่ ลมยาง ไปจนถึงระดับของเหลวเช่น น้ำมันเบรค น้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ ให้อยู่ในปริมาณและสภาพที่เหมาะสมพร้อมใช้งานหากผู้ขับขี่ต้องการเพิ่มความอุ่นใจว่ารถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ก็สามารถนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คและบำรุงรักษาจากผู้เชี่ยวชาญอย่างควิกเลนผู้นำธุรกิจศูนย์บริการยางและรถยนต์มาตรฐานระดับโลกจากสหรัฐอเมริกาที่พร้อมให้บริการบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยครอบคลุมลักษณะงานมากถึง 14 ประเภท เช่น การตรวจเช็คสภาพรถยนต์เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองตรวจซ่อมระบบเบรคโช๊คอัพและระบบช่วงล่างและแบตเตอรี่รถยนต์โดยควิกเลนทุกสาขาทั่วประเทศ ยังคงเปิดให้บริการทุกวัน เพื่อให้บริการดูแลรถยนต์ของลูกค้าเพื่อเตรียมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็น และยังมาพร้อมกับมาตรการด้านสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าที่เข้ารับบริการในช่วงนี้