สิ่งที่เป็นข้อคำถามสำคัญคงไม่พ้นว่าแล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าใบปัดเหล่านี้ลากลับบ้านเก่าแล้ว คำตอบของเรื่องนี้นั้นมันก็อยู่ตรงหน้า เพราทุกครั้งที่เราปัดน้ำฝนแล้วเกิดสะดุด สั่น หรือ มีเสียงไม่พึงประสงค์ นั่นคือสัญญาณ บ่งชี้ที่สำคัญว่า ได้เวลาที่เราควรจะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนใหม่ได้แล้ว ซึ่งตามปกติ แม้ตลอดทั้งปีเราแทบจะไม่ได้ใช้ใบปัดน้ำฝนเลยนอกจากในช่วงฤดูฝน หรือ ฉีดน้ำเช็ดกระจกเล็กๆน้อย ทว่าการเสื่อสภาพของใบปัดน้ำฝันนั้นก็มีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความร้อนจากแสงแดด ที่จำจะทำให้ครีบใบแห้งและเสื่อสภาพได้ไวกว่าที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทยเราที่มีอากาศร้อนเป็นทุนเดิมกันอยู่แล้ว
แม้ฟังดู "ใบปัดน้ำฝน" อาจจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปลี่ยน แต่ก็สามารถยืดอายุการใช้งานได้ ด้วยการหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ เป็นประจำ เพื่อ นำคราบสกปรกหรือฝุ่น ออกจากใบปัด ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือวิธีการทำความสะอาด ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีใด ให้ใช้เพียงผ้าสะอาดชุบน้ำแล้วรูปเท่านั้น เนื่องจาก ใบปัดมีคุณสมบัติเป็นยาง การลงน้ำยา อาจจะทำให้เสื่อมสภาพได้ เร็วกว่าปกติ เช่นเดียวกับที่หลายคนเข้าใจผิดว่าการยกใบปัดน้ำฝนจะช่วยยืดอายุได้ ทั้งที่จริงๆ มันเป็นการยกชูสุ่แดดด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการเลือกเปลี่ยนตัวใบปัด ที่ควรเลือกใช้ตามขนาดเดิมที่มากับรถเนื่องจากการเพิ่มขนาดใบปัดไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายต่อทัศนวิสัยในการขับขี่ เช่นเดียวกับการเลือกชนิดใบปัดที่ควรดุตามความเป็นจริงไม่ควรหลวงตัวกับคำโฆษณา ที่นอกจากจะให้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่ออะไรสักอย่างก็เท่านั้นเอง
หากมองโดยรวม "ใบปัดน้ำฝน" ก็คงไม่ใช่อะไรที่หลายคนจะใส่ใจนัก เพราะนอกจากมันไม่ได้ทำให้รถดูดีและแรงขึ้นแล้ว มันยังไม่ได้ถูกใช้งานบ่อยๆด้วย ทว่า การที่เราเลือกหมั่นใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความปลอดภัยและมั่นใจในยามขับขี่