บ้านเมืองเราตอนนี้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเข้มข้น ซึ่งอาจนำไปสู่สถานการณ์ความรุนแรงจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินได้ทุกเมื่อ สำหรับเจ้าของรถยนต์มีเรื่องหนึ่งที่ควรรู้คือ กรณีรถยนต์เสียหายจากการจราจล ไม่อยู่ในความคุ้มครองของการประกัน
รถยนต์เป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่อาจได้รับความเสียหาย หากเกิดสถานการณ์ความรุนแรง ซึ่งโดยทั่วไปเจ้าของรถมักคิดว่า ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 คุ้มครองความเสียหายจากสถานการณ์ดังกล่าวไว้อยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
ในอดีตนั้น กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ให้ความคุ้มครองทุกภัยโดยไม่มีข้อยกเว้น (All risk) แต่เมื่อมีเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงราว 5-6 ปีก่อน ทำให้มีเกิดความเสี่ยงต่อการเสียหายในทรัพย์สินมากขึ้น ทางคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ จึงมีมติกำหนดข้อยกเว้นไม่คุ้มครองภัยก่อการร้ายสำหรับประกันภัยประเภท 1 นับแต่นั้นมา
ถึงตอนนี้จึงแน่ใจได้เลยว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ( ประกันชั้น 1) ทุกกรมธรรม์ ไม่คุ้มครองความเสียหายในกรณีประชาชนเกิดการลุกฮือจากความไม่พอใจรัฐบาลหรือม็อบ ซึ่งหากความเสียหายของรถยนต์เกิดขึ้นในบริเวณที่มีการชุมนุม ทำให้เจ้าของรถเสียสิทธิประโยชน์ในการเรียกร้องผลประโยชน์ได้
นอกจากนั้น ประกันภัยรถยนต์ทุกกรมธรรม์จะระบุข้อยกเว้นไม่คุ้มครองภัยก่อการร้าย ทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้จากกรณีดังกล่าว ยกตัวอย่างกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2553 ที่มีการเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ทำให้รถที่จอดอยู่ภายในห้างได้รับความเสียหาย แต่รถเหล่านั้นไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท เนื่องจากขณะนั้นรัฐบาลประกาศว่าเป็นการก่อการร้าย
สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ครอบครองรถยนต์ควรทราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อมิให้เสียผลประโยชน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นเอง