เมนูที่ 1 น้ำมันเครื่อง
เรียกได้ว่าเป็น 1 ในเมนูของเหลวที่ใช้บำรุง
สภาพรถ เมื่อครบรอบการเช็คสภาพรถทุก
10,000 กิโลเมตร หรือทุกๆ 6 เดือน ซึ่ง
ต้องมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่
เพราะน้ำมันเครื่องเก่าเสื่อมสมรรถภาพ
และไม่อยู่ในระดับที่เหมาะสม จะส่งผลให้
ปั๊มไม่สามารถดูดน้ำมันส่งไปหล่อลื่น
ชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้ดีพอ
ทำให้เครื่องยนต์เกิดการเสียดทานมากขึ้น
ส่งผลให้เครื่องยนต์สึกหรอ และสุดท้าย
เครื่องยนต์ก็พังเร็ว ดังนั้น รักรถก็ต้อง
บำรุงรถตามรอบเช็คให้ตรงต่อเวลาเสมอ
เมนูที่ 2 น้ำกลั่นแบตเตอรี่
บ่อยครั้งที่เรามักพูดกับเพื่อนว่า “ไปชาร์จแบตหน่อยมั้ย” นั่นคงไม่ต้องอธิบายกันมากกว่านี้ว่าหมายความว่าอะไร แต่สำหรับ
รถยนต์ แบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานมานาน และขาดการดูแลตามระยะเวลาจนแบตหมด เมื่อนำไปชาร์จไฟแล้วนำกลับ
มาใช้อีกครั้ง ก็อาจทำงานได้แบบไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม ต่างจากคนที่ดูแลร่างกายพักผ่อนเพียงพอก็สามารถ
มีแรงกลับมาทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างสดชื่นอีกครั้ง ดังนั้น หมั่นเช็คน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ทุกๆ สัปดาห์ ให้น้ำกลั่นอยู่ในระดับที่
เหมาะสมอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นแผ่นตะกั่วที่สะสมไฟไว้ใช้งานจะไม่สามารถระบายความร้อนได้ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
สุดท้ายรถก็สตาร์ทไม่ติดนั่นเอง
เมนูที่ 3 น้ำมันเบรก
อาการเบรกไม่อยู่ของรถเป็นอันตรายที่น่ากลัวอย่างคาดไม่ถึง อันจะนำมาซึ่งอุบัติเหตุร้ายแรง หากละเลยการดูแล
เรื่องของน้ำมันเบรก เพราะน้ำมันเบรกเป็นตัวกลางถ่ายทอดกำลังไปยังล้อทั้งสี่ล้อของรถให้ชะลอและหยุดในที่สุด ถ้าอยู่ในระดับที่
ไม่เหมาะสม จะทำให้ผ้าเบรกสึกเร็ว ประสิทธิภาพในการเบรกจะลดลงจนไม่สามารถเบรกเพื่อหยุดรถได้ ทุกๆ หนึ่งปีหรือหนึ่งปีครึ่ง
คือเวลาที่เหมาะสมในการตรวจสอบ
เมนูที่ 4 น้ำมันเกียร์
หลายๆ คนเคยเจอปัญหาอาการกระตุกของรถขณะ
เข้าเกียร์ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปริมาณ
น้ำมันเกียร์ของรถคุณลดลงเกินกำหนดแล้ว เพราะ
น้ำมันเกียร์จะไปทำหน้าที่ลดแรงเสียดทาน และ
ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์กลไกในระบบเกียร์
แต่เมื่อน้ำมันเกียร์ขาดไป จะทำให้เกิดการเสียดสี
ของระบบเกียร์ ทำให้คุณเข้าเกียร์ได้ช้า เกียร์กระตุก
ถ้าอาการหนักอาจถึงขั้นรถไม่วิ่งเลยทีเดียว ดังนั้น
จึงต้องตรวจสอบทุกระยะ 20,000-30,000
กิโลเมตร หรือทุกๆ 1 ปี
เมนูที่ 5 น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
คนเราหากเสียการทรงตัวเมื่อไหร่ อาจทำให้
หกล้มได้ รถของเราก็เช่นกัน ถ้าเสียการควบคุม
จากการบังคับพวงมาลัยเมื่อไหร่ ก็อาจตามมา
ด้วยการพลิกคว่ำได้เมื่อนั้น สังเกตอาการง่ายๆ
ขณะขับรถว่าพวงมาลัยหนักผิดปกติหรือไม่
มีเสียงดังที่ห้องเครื่อง หรือมีอาการโคลงเคลง
ของรถหรือไม่ ถ้ามี ต้องรีบจัดการแก้ไข เพราะ
น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ของรถลดต่ำลงเกินไปแล้ว
อันนี้ตรวจสอบทุกๆ 1-2 ปี
เมนูที่ 6 น้ำหล่อเย็นหม้อน้ำ
คนเรามีอาหารฤทธิ์ร้อนเย็นให้เลือกรับประทาน
หากร่างกายร้อนหรือเย็นเกินไป เพื่อปรับให้ร่างกาย
สมดุล รถของเราก็มีน้ำหล่อเย็นไว้จัดการกับ
ความร้อนของเครื่องยนต์ที่ร้อนจัดเช่นกัน ถ้าหาก
เครื่องยนต์ขาดน้ำหล่อเย็น หรือน้ำหล่อเย็นแห้งลง
ที่อาจเกิดจากหม้อน้ำรั่ว รถของเราก็จะขาดน้ำ
ไปช่วยระบายความร้อน ถ้ารถร้อนจัดอาจทำให้
เกิดอาการเครื่องน็อคกลางครัน ทำให้ยากต่อการควบคุมรถ หมั่นตรวจสอบน้ำ ในหม้อน้ำทุกๆ 6-9 เดือน ให้ปัญหาความร้อนจากสภาพอากาศที่เคยมีผลต่อรถคุณไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณอีกต่อไป
เมนูที่ 7 น้ำยาฉีดกระจก
อย่างที่รู้กันว่าทัศนวิสัยการมองเห็นในเวลาขับรถเป็นเรื่องสำคัญ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ ถ้าละเลย โดยเฉพาะช่วงนี้ฝนตก
ถ้ากระจกไม่สะอาดย่อมไม่เป็นผลดีต่อการมองเห็น ควรตรวจสอบน้ำยาฉีดกระจกให้อยู่ในระดับที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพราะถ้าหากละเลย
การกดฉีดทั้งที่น้ำยาหมดไปแล้ว อาจทำให้ปั๊มฉีดน้ำเกิดความเสียหายได้
สุขภาพรถไม่แตกต่างจากสุขภาพของคนเรา ต้องดูแลเอาใจใส่บำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน จะตรวจสอบเอง หรือจะส่ง
เข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการก็แล้วแต่ แต่อย่ารอจนพบความผิดปกติ เพราะนั่นหมายถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่ต่อรถ
ที่คุณรักเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความปลอดภัยของชีวิตคุณและคนรอบข้างได้ในท้ายที่สุดแล้ว...