หลายคนคงกำลังวางแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง จากสถิติอุบัติเหตุของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงสงกรานต์ตลอดระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2554-2556) พบอุบัติเหตุเกิดขึ้น 437 ครั้ง/วัน ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เองจึงมีข้อแนะนำในการจัดการสถานการณ์ เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการขับขี่อย่างระมัดระวัง การเตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทางเสมอจะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นแน่นอน
1. ยางระเบิด อย่าตกใจแล้วเหยียบเบรกหรือหักพวงมาลัยอย่างกะทันหันเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถยิ่งเสียการควบคุม รถอาจหมุนหรือพลิกคว่ำได้ แต่ให้รีบเปิดไฟฉุกเฉิน แล้วลดความเร็ว ค่อยๆบังคับพวงมาลัยเพื่อประคองรถเข้าข้างทาง ซึ่งการลดความเร็วนั้นสามารถทำได้โดยถอนคันเร่งออก และค่อยๆแตะเบรกถี่ๆ เบาๆ จากนั้นเมื่อความเร็วรถลดลงถึงระดับที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้แล้วนั้น ให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำลงและหยุดรถเข้าข้างทาง
2. เบรกแตก สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ลดความเร็วรถทันที โดยสำหรับเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัทช์ เพื่อลดตำแหน่งเกียร์ และสำหรับเกียร์อัตโนมัติให้เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จาก D มาเป็น 3 ไว้ แต่ห้ามเปลี่ยนเกียร์เป็น L เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ นอกจากนั้นเบรคมือก็เป็นอีกตัวช่วยสำคัญของคุณในการชะลอความเร็วที่ล้อหลังของรถ แต่ต้องค่อยๆดึงเบรคมือขึ้นจนสุด อย่าดึงอย่างกะทันหัน
3. หม้อน้ำรั่ว ในเบื้องต้นเราสามารถสังเกตอาการผิดปกตินี้ได้จากหน้าปัดเข็มวัดอุณหภูมิที่เข็มจะตีขึ้นไปสูงกว่าปรกติเมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด ซึ่งหลังจากนำรถเข้าจอดข้างทางแล้ว ให้เปิดกระโปรงหน้า เพื่อระบายความร้อน จากนั้นรอสักพักจนเครื่องยนต์เย็นลงแล้ว จึงค่อยสวมถุงมือหรือใช้ผ้าในการเปิดฝาหม้อน้ำ แล้วค่อยๆเติมน้ำทีละน้อยๆอย่างช้าๆ เพื่อให้รถวิ่งต่อได้ก่อนที่จะนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการอีกที แต่สิ่งสำคัญคือห้ามเปิดหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนจัดอยู่ เพราะแรงดันของน้ำในหม้อน้ำที่น้ำยังร้อนอยู่นั้น อาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้า หรือเป็นอันตรายต่อการถูกน้ำร้อนลวกได้
4. แอร์ไม่เย็น ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ให้ลองปรับอุณหภูมิแอร์และพัดลมให้เย็นที่สุด ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วลองเอามืออังที่แผงคอนเดนเซอร์หน้ารถดู หากมีลมร้อนออกมาแสดงว่า แผงคอนเดนเซอร์อาจสกปรกต้องทำความสะอาด หรือไม่อย่างงั้นให้ลองเช็คตาแมวของน้ำยาแอร์ดูว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ อาจถึงเวลาที่คุณต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่แล้วก็เป็นได้ แต่หากพบว่ามีเสียงดังระหว่างไฟแอร์เริ่มทำงาน แปลว่าคอมเพรสเซอร์กำลังจะเสียและถึงเวลาที่คุณต้องนำรถเข้าศูนย์บริการซ่อมแล้ว
5. แบตเตอรี่หมด ปัญหานี้คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นที่สัญจรผ่านไปมาได้ โดยดับเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคัน และปิดระบบไฟของรถให้หมด รวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต่อเข้ากับช่องจ่ายไฟ เช่น มือถือ ไอพอด และไอแพด เป็นต้น จำไว้ว่าถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพที่แตกหรือไม่สมบูรณ์ ห้ามพ่วงสายเด็ดขาดมิฉะนั้นแบตเตอรี่อาจระเบิดใส่คุณได้ จากนั้นจึงทำการพ่วงแบตเตอรี่ของคันที่หมดเข้ากับคันที่มีสภาพดีได้ ซึ่งรถส่วนใหญ่เครื่องจะติดได้ต่อเมื่อแบตเตอรี่มีพลังงานที่ 12 ถึง 13.6 โวลต์