1. ก่อนอื่นล้างมอเตอร์เดินเบาให้ใช้งานได้ปกติ และล้างลิ้นไอดีจนสะอาดหมดจด 

2. เช็คท่อลมทุกจุดไม่ให้รั่ว   

3. ปรับตั้งรอบเครื่องให้อยู่ในรอบเดินเบาที่นิ่งที่สุดทั้งน้ำมันและแก๊ส 

4. ระวังการถอดเซ็นเซอร์ในจุดต่างๆ ต้องใส่กลับให้แน่นเหมือนเดิม และควรใจเย็นรอให้เครื่องกลับมาอยู่ในภาวะปกติประมาณ 1-2 วัน หลังจากถอดเซ็นเซอร์ต่างๆ ออกมาแล้ว หลายคนใจร้อนพอเครื่องไม่นิ่งก็ถอดออกมาอีก ทำให้เครื่องไม่นิ่งซักที พาลคิดว่าเครื่องพังไปเลยก็มี สาเหตุการถอดเข้าถอดออกทั้งสายไฟและเซ็นเซอร์ต่างๆ มีผลกับการกินแก๊สและน้ำมันพอควรเลยทีเดียว 

5. เช็คเข็มไมล์ว่าขึ้นตรงหรือเปล่า บางครั้งเข็มไมล์แข็งเกินไป ก็มีผลกับการคำนวณระยะทาง ลองวิ่งซัก 10กม. โดยวัดกับหลัก กม.แล้วเช็คว่าตรงหรือไม่ 

6. ในการวิ่งให้เช็ครอบเครื่องยนต์ว่าเมื่อถึงจังหวะการเปลี่ยนเกียร์แต่ละเกียร์ใช้รอบประมาณช่วงไหน หรือบางครั้งเช็คจากเข็มไมล์ก็ได้ ข้อนี้มีประโยชน์ตรงที่เราสามารถกะหรือคำนวณได้ว่าควรจะกดคันเร่งมากหรือ น้อย เพื่อเลี้ยงรอบไว้ไม่ให้เปลี่ยนเกียร์เร็วหรือช้าเกินไป เช่น รถติดนิ่งสลับหยุด ถ้าเรากดคันเร่งมากไปรถจะเปลี่ยนเกียร์ไปเกียร์สูงเร็วมาก ซักพักก็เหยียบเบรคเกียร์ก็เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำอีก ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็กินแก๊ซมากขึ้น เป็นต้น 

7. วิ่งในทางยาวๆ หรือไกลๆ ในกรณีที่ขับมาเร็วๆ ไม่ควรกดคันเร่งแล้วผ่อนคันเร่งบ่อยๆ ควรใช้ความเร็วให้คงที่ไม่เหยียบคันเร่งแบบทันทีทันใด หรือเหยียบกดคันเร่งบ่อยๆ ซึ่งต้องใช้การกะระยะที่พอเหมาะกับระยะรถข้างหน้า เพื่อใช้ความเร็วรถได้อย่างถูกต้อง 

8. ไม่แตะเบรคพร่ำเพรื่อ การแตะเบรคบางครั้งทำให้รอบเครื่องตกลง ซึ่งส่งผลกับเกียร์ที่ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย ซึ่งหากเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็กินแก็สมากขึ้นแน่นอน ดังนั้นควรขับแบบระมัดระวัง ต้องกะระยะและจังหวะดีๆ 

9. เช็คลมยางบ่อยๆ และเป่ากรองอากาศสม่ำเสมอ 

10. เช็คสายไฟหรือตัวอ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์ว่าหลวมหรือหลุดหรือเปล่าด้วย เพราะตัวนี้มีผลกับการกินแก๊ซและน้ำมันแน่นอน 

ที่มา : http://bmwchiangmai.com