บ่อยครั้งที่มักได้ยินคำแนะนำให้ยกก้านที่ปัดน้ำฝนเวลาจอดรถกลางแดด รวมทั้งเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ปฎิบัติอย่างนี้ แต่การยกก้านที่ปัดน้ำฝนจะช่วยยืดอายุยางปัดน้ำฝน แต่อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของสปริงยกก้านที่ปัดน้ำฝน การจอดรถยนต์ตากแดดนานๆ การยกที่ปัดน้ำฝน เพื่อไม่ให้ยางใบปัดสัมผัสแนบอยู่กับกระจกเสื่อมสภาพ จะช่วยให้ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพช้าลง แต่การยกก้านที่ปัดน้ำฝนบ่อยๆ และยกก้านที่ปัดน้ำฝนค้างไว้ครั้งละนานๆ จะส่งผลให้สปริงยกก้านที่ปัดน้ำฝนเกิดอาการล้าเร็ว อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้แรงกดของใบปัดน้ำฝนกับกระจกหน้าลดลง ส่งผลต่อแรงปัดของก้านปัดน้ำฝน ทำให้ปัดน้ำฝนไม่เกลี้ยง หรือมีคราบน้ำเป็นเส้น ๆ ตามรอยโค้ง ซึ่งหากสปริงยกก้านที่ปัดน้ำฝนล้าค่าใช้จ่ายในการซ่อมจะสูงกว่าค่ายางที่ปัดน้ำฝนทั้งสองข้าง
โดยปกติยางที่ปัดฝนมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนได้ดี และที่ผิวกระจกไม่ได้มีความร้อนสูงมากมาย ไม่ว่าจะยกก้านหรือไม่ยกก้าน ยางปัดน้ำฝนก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติ และสาเหตุที่ยางปัดน้ำฝนเสื่อมเร็วกว่าปกติ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความร้อน แต่เกิดการใช้งานและการดูแลรักษามากกว่า การถนอมยางปัดน้ำฝนที่ดีที่สุดเมื่อต้องจอดรถยนต์ตากแดดกลางที่โล่งแจ้ง คือ ก่อนที่จะออกรถยนต์ออกหลังจากจอดตากแดดทุกครั้งให้ยกก้านใบปัดน้ำฝนขึ้นมา แล้วนำผ้าหรือกระดาษเช็ดหน้านุ่ม ๆ เช็ดลูบเบา ๆ ตามความยาวของยางปัดน้ำฝน แล้วจึงไปเช็ดบนกระจกบริเวณที่ยางปัดน้ำฝนแนบอยู่ เพราะบริเวณนั้นจะมีเศษฝุ่นผงเล็ก ๆ ปลิวมาตกค้างอยู่บนกระจก หากไม่เช็ดออกเมื่อเปิดที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝนจะกวาดเอาเศษฝุ่นผงหรือเศษทรายเล็ก ๆ นั้น กดกับกระจกจนยางฉีกเป็นรอยทำให้การปัดน้ำฝนบนกระจกไม่เกลี้ยงได้ และควรทำความสะอาดยางปัดน้ำฝนด้วยตนเองสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยการยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นและใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดหมาด เช็ดรูดไปตามความยาวของยางปัดน้ำฝนในทิศทางเดียว หากพบร่องรอยการฉีกขาดหรือแข็งกรอบ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะหากใช้ต่อไปจะทำให้ปัดน้ำฝนไม่สะอาด และทำให้เกิดเสียงดัง หรือสะดุดขณะปัด หรืออาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนกระจกได้อีกด้วย
หมายเหตุ : ยางปัดน้ำฝนมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี