1.สตาร์ตเครื่องนานกว่าปกติ
เสียงสตาร์ตนั้นยังบอกอาการของรถท่านได้ เพราะปกติแล้วการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นจะใช้การถีบตัวไม่เกิน 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 30 วินาที ถ้านานกว่านั้นแสดงว่ารถเริ่มมีปัญหา หมายถึงแบตเตอร์รี่อาจจะเริ่มเสื่อมสภาพ ยิ่งถ้ารถคุณสตาร์ตช้า เตรียมเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ลูกใหม่ได้เลย
2.ร่องรอยน้ำมัน
บางครั้งเมื่อจอดรถแล้วพบรอยน้ำมันหยดเป็นทางนั้น หรือเป็นจุด อย่าวางใจโดยเด็ดขาด เพราะตามปกติแล้วน้ำมันจะไม่หยดได้เอง นอกจากเกิดความเสียหายต่อระบบนั้นๆ หมายถึงต้องมีอะไรผิดปกติแล้ว ดังนั้น ถ้าพบข้อนี้รีบตรวจสอบด่วน
3.เสียงที่ผิดปกติ
อาจเป็นเรื่องยากในการสังเกตในระหว่างขับรถ แต่สามารถสังเกตได้เมื่อรถจอดหรือเดินเบาเครื่องยนต์ก่อนขับออกถนน โดยทั่วไปแล้วการทำงานของเครื่องยนต์จะไม่มีเสียงผิดแปลก โดยเฉพาะเสียงเหล็กกระทบกัน หรือทางศัพท์ช่าง เรียกว่า "เสียงน็อก" (Knocking) หากได้ยินเสียงดังกล่าว และไม่เคยได้ยินมาก่อนนั้น ให้รีบไปหาผู้เชี่ยวชาญทันที แต่ทางที่ดีอันนี้อยากแนะนำบันทึกเสียงนั้นไว้ก่อน อาจจะถ่ายคลิป เพื่อใช้ประกอบในการอธิบายปัญหา
4.ควันขาวออกท่อ
รถที่ดีต้องไม่มีควันขาว เมื่อไรก็ตาม ที่รถมีอาการควันสีขาวออกท่อ พร้อมกลิ่นฉุน นั่นหมายถึงต้องมีสิ่งที่ผิดปกติกับระบบเครื่องยนต์ หากชี้ชัดไปนั้นจะมีหลายอาการมาก แต่ถ้าเห็นแล้วรีบหาช่างจะดีกว่า
5.ขับรถแล้วดูนุ่มนวลผิดกว่าปกติ
บางครั้งที่คุณขับรถนั้นเวลาขับสังเกตดีๆ ว่ารถเรานิ่มนวลผิดปกติไปหรือไม่จากที่เคยใช้มา ถ้าใช่แสดงว่ามีความเป็นไปได้ใน 2 ทาง คือ ลมยางอ่อน บางครั้งอาจจะหมายถึงยางรั่ว หรือ ระบบช่วงล่างบางชิ้นเสื่อมสภาพ โดยมากคือสปริงหรือโช้ก
6.เสียงจี๊ดๆ ตอนเบรก
เมื่อกดเบรกแล้ว ได้ยินเหมือนเสียงหนูร้องอยู่ในรถ อาจจะด้านหน้า หรือ ด้านหลัง หมายถึงผ้าเบรกกำลังหมดอายุการใช้งาน ถ้าได้ยินแล้วอย่ารอช้า รีบหาเวลาไปเปลี่ยนผ้าเบรกก่อนจะทำความเสียหายต่อชุดจานเบรก
7.รถเร่งแล้วอืดกว่าเดิม
ถ้าเมื่อไรเร่งแล้วรู้สึกว่าไม่พุ่งเหมือนเดิม แต่ไม่มีความผิดปกติอย่างอื่น เช่น รอยน้ำมัน นั่นหมายถึงอาจจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแล้ว แต่หากถ่ายมาแล้วและยังวิ่งอืดอยู่ ก็จะมีอีก 2 เรื่อง คือ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง กรองอากาศ อาการรถมีอัตราเร่งถอยนี้ มีผลโดยตรงต่ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง