|
ประกันภัยรถยนต์ไม่บังคับก็ควรทำ
เชื่อแน่ว่าพวกเราทุกคนพอได้รถมาเชยชมแล้วก็คงอยากรักษารถไว้ให้อยู่ในสภาพที่ดีกันทุกคนใช่มั้ยครับ? ซึ่งการจะรักษาสภาพรถไว้ บางทีก็ต้องใช้สตางค์อยู่ไม่น้อย แต่แหล่งเงินแหล่งหนึ่งที่อาจช่วยท่านได้ โดยเฉพาะเวลาที่รถท่านเกิดอุบัติเหตุ หรือสูญหายก็คือประกันภัยรถยนต์นั่นเอง แต่ประกันภัยรถยนต์ไม่ได้มีประโยชน์แค่นั้นนะครับ เราลองมาดูกันดีกว่าว่า ประกันภัยรถยนต์มีประโยชน์อย่างไร และเราควรรู้อะไรบ้างก่อนทำประกัน *** ทำไมต้องเสียเงินทำประกันด้วยล่ะ *** โดยหลักแล้ว ประกันภัยรถไม่ว่าจะเป็นแบบกฎหมายบังคับ หรือที่เราทำเองโดยสมัครใจ มีประโยชน์หลายอย่างทั้งต่อตัวท่านเอง และรถของท่าน ที่สำคัญๆ เลยก็คือ เป็นกระเป๋าสตางค์ไว้ชำระค่าเสียหายต่อตัวรถ ผู้ขับขี่ และบุคคลภายนอกที่อาจไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้รับความเสียหายจากการขับรถของเรา เป็นต้น (ซึ่งรายละเอียดประกันภัยแต่ละแบบจะแตกต่างกันไปตามที่จะพูดถึงต่อไป) นอกจากนี้ เวลาเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี ก็ไม่ต้องกังวล หรือเสียเวลากับเรื่องนี้มากนัก เพราะจะมีบริษัทประกันภัยเข้ามาคอยช่วยเหลือจัดการตรงนี้ให้ ไม่ว่าจะช่วยพิจารณาดูว่าใครถูกใครผิด หรือพิจารณาว่าค่าเสียหายเท่าไหร่ เป็นต้น และในกรณีอุบัติเหตุไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูก หรือฝ่ายผิด บริษัทประกันก็จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เรา หรือจัดการซ่อมรถให้เราได้เลย เช่น ถ้าเราเป็นฝ่ายถูก บริษัทประกันก็จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแทนเรา แล้วเข้าไปสวมสิทธิของเราไปเรียกค่าสินไหมทดแทนจากฝ่ายที่ผิด หรือถ้าเราเป็นฝ่ายผิด บริษัทประกันก็จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ถูกได้ทันที เป็นต้น *** ประเภทและความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ *** ประกันภัยรถยนต์แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประกันภัยรถยนต์แบบสมัครใจ และประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (ประกันภัยประเภทที่สองนี้เรียกกันทั่วๆ ไปว่า ?พ.ร.บ.? ซึ่งเป็นคำเรียกย่อของพระราชบัญญัติว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ซึ่งประกันภัย พ.ร.บ. นี้จะคุ้มครองเฉพาะบุคคลผู้ประสบภัยแต่ไม่คุ้มครองทรัพย์สิน เช่น ตัวรถ)
## 1.การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ## ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจเป็นประกันที่เจ้าของรถสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองได้ตามความต้องการ ประกันภัยประเภทนี้มีความคุ้มครองให้เลือก 4 ประเภทหลักและ 2 ประเภทเสริม ซึ่งมีรายละเอียดโดยย่อดังนี้ 1.1 ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุดต่อผู้เอาประกัน และบุคคลภายนอก 1.2 ประกันชั้น 2 ให้ความคุ้มครองตัวผู้เอาประกัน และบุคคลภายนอก 1.3 ประกันชั้น 3 ความคุ้มครองเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สิน ชีวิต และร่างกายของบุคคลภายนอก ดังนี้ 1.4 ประกันชั้น 4 ให้ความคุ้มครองเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินบุคคลภายนอก 1.5 ประกันชั้น 5 (2+) เป็นประกันภัยชั้น 2 ที่เพิ่มความคุ้มครองความเสียหายของรถที่เอาประกันอันเกิดจากการชนที่มีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบก ซึ่งปกติประกันภัยชั้น 2 จะไม่คุ้มครอง 1.6 ประกันชั้น 5 (3+) เป็นประกันภัยชั้น 3 ที่เพิ่มความคุ้มครองความเสียหายของรถที่เอาประกันอันเกิดจากการชนที่มีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบก ซึ่งปกติประกันภัยชั้น 3 จะไม่คุ้มครอง ## 2.การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ## 2.1 ค่าเสียหายเบื้องต้น เป็นความคุ้มครองเบื้องต้นโดยจะชำระให้เลยโดยไม่ต้องพิสูจน์กันว่าใครถูกใครผิด โดยจะคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคนรวมถึงผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในรถที่เอาประกัน ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยฝั่งของผู้ประสบภัยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ประสบภัย (หรือทายาทของผู้ประสบภัย) ภายใน 7 วันนับแต่วันที่บริษัทประกันภัยได้รับคำร้องขอค่าเสียหาย 2.2 ค่าเสียหายเพิ่มเติม เป็นความคุ้มครองเพิ่มเติมภายหลังพิสูจน์ความผิดแล้ว โดยจะคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคน รวมถึงผู้โดยสารในรถที่เอาประกัน แต่จะไม่คุ้มครองผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายผิด หรือผู้ขับขี่ในกรณีที่ไม่มีคู่กรณีที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย โดยบริษัทที่รับประกันภัยรถที่เป็นฝ่ายผิดจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ประสบภัย (หรือทายาทของผู้ประสบภัย) โดยจ่ายเพิ่มเติมรวมกับค่าเสียหายเบื้องต้นตามข้อ 2.1 ที่ผู้ประสบภัย (หรือทายาทของผู้ประสบภัย) ได้รับแล้ว เนื่องจากเป็นประกันภัยภาคบังคับ และมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองประชาชน และสังคมโดยส่วนรวม รัฐฯจึงพยายามกำหนดเบี้ยประกันภาคบังคับนี้ให้ต่ำที่สุด (แต่ก็อยู่ในระดับที่บริษัทประกันภาคเอกชนก็ต้องอยู่รอดได้ด้วย) ปัจจุบันกรมการประกันภัยกำหนดอัตราเบี้ยประกันภาคบังคับตาม พ.ร.บ. นี้ให้เป็นอัตราคงที่อัตราเดียวแยกตามประเภทรถ และลักษณะการใช้รถ (ปัจจุบันนี้ ถ้าเป็นรถเก๋งทั่วไป เบี้ยประกัน พ.ร.บ. ก็จะเป็นประมาณ 600 บาท)
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา :
นิตยสารรถ WEEKLY
ผู้บันทึก :
กองบรรณาธิการ
date : [ 13 ม.ค. 2558 ]
|
|
|