เมื่อพูดถึงน้ำมันเครื่อง (Engine Oil) แน่นอนว่าใครหลายๆ คนจะต้องรู้จักกันเป็นแน่ เพราะเจ้าน้ำมันตัวนี้หน้าที่หลักของ คือ หล่อลื่นการทำงานของเครื่องยนต์ให้เป็นไปอย่างราบเรียบควบคู่ไปกับ การลดความร้อนต่างๆ ในกระบวนการทำงานของเครื่องยนต์ที่เกิดในระหว่างการเผาไหม้ แต่ในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องนั้น สำคัญตรงที่การเลือกใช้ตามสภาพการใช้งานจริง ซึ่งตรงจุดนี้เพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า จะมีวิธีเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างไร ประเภทไหนจึงเหมาะสมกับรถของเรา

แน่นอน ก่อนที่เราจะเลือกซื้อน้ำมันเครื่องมาใส่รถ สิ่งที่ควรคำนึงอย่างแรกสุดเลย คงไม่พ้นการขับขี่ที่ควรจะสำรวจพฤติกรรมของตัวเองก่อนว่า ปกติเรามักจะขับในสไตล์ไหน เริ่มแรกเลย ถ้าคุณเป็นคนขับรถซิ่ง เน้นแรง เราแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดของน้ำมันสูงไว้ก่อนจะดีกว่า ซึ่งการเลือกค่าความหนืดสูงนี้ เราก็ต้องกลับมาดูอีกว่าเราขับแบบรุนแรง เน้นกระแทกคันเร่งบ่อย มากน้อยแค่ไหน หากขับแบบรุนแรงไม่บ่อยนัก การใช้น้ำเครื่องที่หนืดเกินไป จะทำให้สูญเสียอัตราเร่งโดยใช่เหตุ ในทางกลับกันหากคุณเป็นคนอารมณ์เย็น ขับรถเฉื่อยๆ ไปเรื่อยๆ น้ำมันที่คุ้มค่าเหมาะที่จะเลือก ก็คงเป็นน้ำมันที่ไม่ต้องหนืดมากก็ได้ จึงจะเหมาะสมที่สุด หลังจากที่เราได้แนวทางในการเลือกน้ำมันเครื่องแล้ว เราก็ควรจะต้องรู้จักค่าความหนืดที่กำหนดโดย SAE (Society of Automotive Engineers) กันบ้าง ซึ่งค่าความหนืดนี้จะถูกระบุโดยตัวเลขที่อยู่บนกระป๋อง

สำหรับน้ำมันเครื่องปัจจุบันที่ใช้กันส่วนใหญ่นั้น จะเป็นน้ำมันหล่อลื่นชนิด Multi-Grade หรือจะอธิบายให้ฟังง่ายๆ คือ น้ำมันประเภทนี้ สามารถทำงานได้ทุกสภาวะอุณหภูมิทั้งร้อน และหนาว ผิดกับน้ำมันหล่อลื่นเกรดเดี่ยว ที่จะทำงานได้เฉพาะในสภาวะอุณหภูมิที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งการดูว่าน้ำมันเครื่องนี้เป็นน้ำมันประเภทหนืดมาก หรือลื่นมากก็ให้ดูที่ ตัวเลขชุดที่มักจะระบุมาให้บนฉลากแต่ละกระป๋อง เช่น 10W40, 20W50 เป็นต้น

ซึ่งตัวเลขที่เห็นเหล่านี้ คือค่าความหนืดที่มีในน้ำมัน โดยตัวเลขชุดแรกที่ติดมากับตัวอักษร W ในภาษาอังกฤษนั้น หมายถึงค่าความหนืดในการหล่อลื่นเบื้องต้น ที่เริ่มทำงานทันทีที่ถูกปั๊มไปใช้หล่อลื่นภายในห้องเผาไหม้ ซึ่งค่าความหนืดเบื้องต้นนี้มีความสำคัญอย่างมากกับประเทศเมืองหนาว เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่มีจุดเยือกแข็งต่ำจะส่งผลให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ยากยามอากาศเย็น โดยเจ้าตัวอักษร W ที่เราเห็นอยู่นั้นมีความหมายแทนถึงคำว่า Winter

สำหรับอากาศที่ร้อน เหมือนเตาอบในบ้านเรา ค่าที่เราควรให้ความสำคัญคือ ค่าความหนืดชุดหลัง ที่หมายถึงค่าความทนทานของน้ำมันเครื่อง ในกรณีที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูง ซึ่งปกติเวลาน้ำมันเครื่องทำงานในห้องเผาไหม้นั้น มันมีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มที่เคลือบตามชิ้นส่วนที่จะเกิดการเสียดสีกัน ในยามปกติน้ำเครื่องสามารถทนสภาวะการเสียดสีได้ แต่หากเครื่องยนต์เริ่มมีการทำงานหนักจนเกิดความร้อนสะสมมาก น้ำมันเครื่องจะรับบทบาทเป็นปราการด่านสุดท้ายในการป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เกิดการเสียหายได้

ก็ทราบกันไปแล้วกับบทบาท หน้าที่ และการเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ ต่อไปถ้าเพื่อนๆ คิดจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ลองดูสิ่งดีๆ ที่จะนำมาฝากเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ก็แล้วกัน รับรองว่าประหยัดเงินในกระเป๋า แถมรู้ลึกรู้จริงไม่ต้องโดนใครเขาหลอก ที่สำคัญใช้งานได้คุ้มค่าทุกหยด ส่วนใครจะเลือกยี่ห้อไหนก็ตามแต่ ของแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้