โรเบิร์ต บ๊อช ชี้ธุรกิจหลักชิ้นส่วนรถภาพรวมสวิงโต 60% เหลือ 16% ยันไม่กระทบบริษัทปีนี้โตได้ 20%
นายปีเตอร์ แวนดลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กลุ่มสินค้าเทคโนโลยียานยนต์ ทั้งการผลิตเพื่อส่งไปยังโรงงานผลิตรถยนต์และอะไหล่ทดแทน หรืออาฟเตอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจหลักสร้างรายได้สัดส่วนมากถึง 59% ของบริษัทแนวโน้มปีนี้คงโตลดลงมาก
ทั้งนี้ หลังจากปีก่อนกลุ่มธุรกิจดังกล่าวของบริษัทมีอัตราเติบโตในระดับ 60% ซึ่งถือได้ว่าเติบโตสูงสุดในรอบ 7 ปี จากปัจจัยโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก 1 แสนบาท ที่ส่งผลให้การสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์เติบโตขึ้น ส่วนภาพรวมกลุ่มชิ้นส่วนเติบโตในระดับ 30-40% ขณะปีนี้บริษัทตั้งเป้าโตกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่ม 16% ซึ่งมองว่าเป็นการกลับมาเติบโตภาวะปกติ หลังจากสิ้นสุดโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก มาจากการส่งออกของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตลาดในประเทศอาจเติบโตได้ไม่เท่ากับปีก่อน โดยมูลค่าภาพรวมตลาดชิ้นส่วนยานยนต์ในปี 2556 จะเติบโต 13%
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้รวมของบริษัทปีนี้ยังคงตั้งเป้าโต 20% แม้ธุรกิจหลักชิ้นส่วนยานยนต์จะโตลดลง แต่อุตสาหกรรมอื่นๆ ของบริษัทยังเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องมือไฟฟ้าตั้งเป้าเติบโตในระดับ 14% กลุ่มเทคโนโลยีด้านความร้อนตั้งเป้าเติบโต 55% ซึ่งทั้งสองกลุ่มของบริษัทได้มีการเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายรวมถึงการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด ที่เน้นการจัดกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป ส่วนรายได้ปี 2555 มี 9,300 ล้านบาท โต 5%
“กลุ่มเทคโนโลยีความร้อนมียอดจำหน่ายเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าตัว จากโครงการในอุตสาหกรรมเคมี อาหารและเครื่องดื่ม มีการขยายตัว อาทิ ปตท. เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง”นายปีเตอร์ กล่าว
ขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทำรายได้สูงสุดของบ๊อช ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมียอดจำหน่ายมากกว่า 30% ของยอดขายรวมในภูมิภาคดังกล่าวที่มีมูลค่า 2.94 หมื่นล้านบาท
“อุตสาหกรรมรถยนต์ไม่ใช่เป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่มีการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งปีนี้เป้าการผลิตรถยนต์รวมของประเทศอยู่ในระดับ 2.5-2.7 ล้านคัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 2.4-2.5 ล้านคัน จึงทำให้ตลาดยังมีแนวโน้มที่ดี”นายปีเตอร์ กล่าว