ไม่กำหนดเวลารับรถ-แบกสต็อกอ่วม
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า รถยนต์ในโครงการรถคันแรกที่ยังไม่ได้ส่งมอบประมาณ 1.3 แสนคัน ส่งผลให้ตัวแทนจำหน่ายต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการสต็อกรถ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ย และค่าดูแลรักษา
ปัญหาสำคัญที่ทำให้ลูกค้าไม่มารับรถ และส่งผลให้เกิดสต็อกตามมาก็คือ การที่โครงการนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลารับรถ สามารถรับเมื่อไรก็ได้ที่พร้อม ทำให้ลูกค้าในจำนวน 1.3 แสนราย ขอเลื่อนการรับรถออกไปเรื่อยๆ เนื่องจากยังไม่มีความพร้อม
"ปัญหาคือ ลูกค้าบางส่วนขอเลื่อนการรับรถออกไป ไม่ได้ขอยกเลิก ดังนั้นค่ายรถก็ยังจำเป็นที่จะต้องสำรองรถเอาไว้ ไม่สามารถขายให้กับลูกค้ารายอื่นได้ เพราะกลัวว่าถ้าขายไปแล้ว ลูกค้าตัดสินใจมารับรถภายหลังแล้วไม่มีให้ จะเกิดการฟ้องร้องกันได้"
ส่วนการที่ยังต้องเก็บรถไว้ เพราะรถยนต์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ไมเนอร์เชนจ์ หรือเปลี่ยนรุ่นใหม่ ดังนั้นหากขายรถในสต็อกออกไป แต่ถึงเวลาลูกค้าตัดสินใจรับรถ อาจจะได้รถที่มีรายละเอียดไม่เหมือนที่จองไว้ อาจเกิดปัญหาได้ ค่ายรถจึงต้องลดความเสี่ยงปัญหาที่จะตามมา
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทางออกที่ทุกค่ายพยายามดำเนินการในตอนนี้คือ การติดต่อกับลูกค้า เพื่อขอความชัดเจนว่าต้องการยกเลิกการใช้สิทธิหรือไม่ หากต้องการยกเลิกก็จะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันปัญหา
มิตซูฯ เผยทิ้งรถยนต์ คันแรกอีสานพุ่ง 80%
นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการเก็บตัวเลขผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า ตัวเลขการยกเลิกจองรถยนต์คันแรกสูงถึง 80% ขณะที่บางส่วนยังคงถือใบจองรถยนต์ไว้แต่ยังไม่ได้มีการตอบรับอะไร
ทั้งนี้ ในฐานะบริษัทแม่ได้มีการประสานงานร่วมกับผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการจำหน่าย หลังจากได้รับผลกระทบจากรถยนต์คันแรก พร้อมการทำการตลาดเชิงรุกเพื่อดึงความต้องการออกมาให้ได้มากที่สุด
ด้านนายศุภชัย ลิ้มวัฒนาพิบูลย์ กรรมการบริษัท มิตซูขอนแก่น|ยนต์ไพบูลย์ กล่าวว่า สถานการณ์หลังสิ้นสุดโครงการรถยนต์คันแรก ส่งผลมีรถยนต์คันแรกคงค้างอยู่ในสต๊อกเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทเองต้องทำทุกวิถีทางในการระบายสต๊อกสินค้า เนื่องจากปัญหาต้นทุนและการหาพื้นที่การจัดเก็บ
นายสราวุธ เหล่าอยู่คง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูไทยยนต์ กล่าวว่า บริษัทได้ทำการตลาดเชิงรุกโดยการประชาสัมพันธ์ รวมถึงการจัดโปรโมชันเพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าที่คงค้างในสต๊อกได้ แม้กระทั่งการมอบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่มีกำหนดวันรับรถอย่างชัดเจน
นายกิตติพงษ์ สกุลคู กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูเจียงหนองคาย กล่าวว่า บริษัทต้องมองหากลุ่มลูกค้าใหม่เพื่อทดแทนยอดจำหน่ายรถยนต์เดิมที่ได้รับผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรกที่สิ้นสุดลง โดยเน้นเจาะเป็นรายอำเภอรายพื้นที่ ซึ่งมองว่าเป็นความยากเนื่องจากบริษัทอื่นก็แย่งชิงลูกค้าในกลุ่มเดียวกัน