จำนวนผู้เข้าชม : 272 ครั้ง
End Page
 
 
'ตลาดรถ 57 สมดุล ขาย-ผลิต'

ตลาดรถยนต์ในปีนี้ดูเหมือนว่าหลายอย่างยังไม่เข้าที่ ผลกระทบจากหลายปัจจัยก่อนหน้านี้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาพรวมเศรษฐกิจ หรือว่าโครงการรถคันแรกที่ดึงกำลังซื้อล่วงหน้าไปจำนวนมาก แม้จะเข้าสู่ครึ่งเดือนสุดท้ายของปี แต่การประเมินภาพรวมตลาดยังคงแตกต่างกันไป

ในส่วนของ ฮิโรชิ นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ประเมินว่า ตลาดรถยนต์ในปีนี้ น่าจะอยู่ในระดับ 1.28-1.29 ล้านคัน ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วที่ทำได้ 1.4 ล้านคัน แต่เห็นว่าเป็นตัวเลขที่ดีสำหรับตลาดประเทศไทย ที่นาคางาวะ บอกว่าเกินล้านก็น่าพอใจแล้ว

"หลายคนชอบบอกว่าตลาดรถยนต์ปีนี้ไม่ดี แต่อย่าลืมว่าหากย้อนกลับไปปี 2554 เรามีตลาดแค่ 8.3 แสนคัน เท่านั้น แต่ปีที่แล้วตลาดเติบโตผิดปกติเท่านั้นเอง"

ส่วนปี 2557 เชื่อว่าขนาดตลาดจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งหลังปีนี้ คือ ยอดขายต่อเดือนอยู่ในระดับระดับกว่า 9 หมื่นคัน และตลาดรวมทั้งปีสูงกว่า 1 ล้านคัน

นาคางาวะกล่าวว่า ยอดขายในระดับกว่า 9 หมื่นคัน/เดือน เป็นตัวเลขที่สมดุล ระหว่างการขายกับการผลิต ต่างจากปี 2555 ที่่ผ่านมา ที่ความต้องการรถสูงมากเป็นพิเศษ จากนโยบายส่งเสริมการมีรถคันแรกของรัฐ ทำให้ค่ายรถเร่งการผลิต มากกว่ากำลังการผลิตของโรงงาน และเมื่อตลาดเริ่มชะลอตัว สิ่งที่ตามมาก็คือ ปัญหาการควบคุมสต็อก ทำให้มีปริมาณรถมากกว่าความต้องการของตลาด ส่งผลให้ค่ายรถต้องเร่งอัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่รุนแรงเพื่อเร่งระบายสต็อกออกไป

"ในส่วนของอีซูซุ เราติดตามดูสถานการณ์ และปรับเป้าหมายให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องสต็อก"

ปิกอัพยังครองตลาด

ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา นอกจากจะเห็นปรากฏการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในตลาดรถยนต์ เช่น ยอดผลิตสูงกว่า 2.5 ล้านคัน ยอดขายในประเทศที่มากกว่า 1.4 ล้านคัน ยอดจองรถในงานมหกรรมยานยนต์ปี 2555 สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ 8.5 หมื่นคัน หรือ ยอดจองรถเฉพาะเดือน ธ.ค.ในปีเดียวกันสูงกว่า 4 แสนคัน เพราะลูกค้าต้องการรักษาสิทธิ์ก่อนหมดโครงการรถคันแรก 31 ธ.ค.2555 และตลาดรถเล็ก ทั้งอีโค คาร์ และ ซับคอมแพคท์ หรือ บี-เซ็กเมนต์ ได้รับความนิยมสูง ซึ่งทำให้มีบางคนก็เชื่อว่ารถเล็กจะไปแย่งตลาดอื่นๆ รวมถึงรถปิกอัพ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ได้ซื้อเพื่อใช้งานบรรทุก เนื่องจากรถเล็กมีราคาที่ต่ำกว่า ประหยัดกว่า และคล่องตัวมากกว่า

แต่นาคางาวะมองว่า ความนิยมในตลาดรถเล็ก โดยเฉพาะอีโค คาร์ ยังเห็นภาพไม่ชัดเจน เนื่องจากการขยายตัวที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา มีแรงกระตุ้นจากภายนอก คือ รถคันแรก ดังนั้น จึงต้องรอประเมินภาพอีกครั้งว่าขายดีเพราะเหตุผลใด หลังจากตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน

แต่สิ่งที่อีซูซุยังมั่นใจก็คือ ตลาดปิกอัพ จะยังคงได้รับความนิยมสูงต่อไป โดยเชื่อว่าจะมีสัดส่วนการขายในระดับ 45-50% ของตลาดรวม เพราะเป็นรถที่มีประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับสภาพถนนหนทาง และตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายแทบไม่ต่างจากรถยนต์นั่ง

"ปิกอัพจะยังคงได้รับความนิยมสูงต่อไป เรามีตัวอย่างเช่น สหรัฐ ซึ่งมีรถมากมายหลายรูปแบบ แต่ปิกอัพเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูง และถึงวันนี้ก็ยังไม่ลดลง"

นอกจากเมืองไทยแล้ว อีซูซุ ยังมั่นใจว่า ความนิยมรถปิกอัพจะขยายไปยังประเทศต่างๆ เห็นได้จากตลาดส่งออกที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยปีนี้อีซูซุคาดว่าจะทำได้ 7 หมื่นคัน

แต่ละตลาดมีจุดประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป เช่น ตลาดใหญ่อย่างซาอุดิ อาราเบีย ซึ่งมียอด 1 หมื่นคัน นิยมใช้รถปิกอัพ สำหรับการขนส่งเป็นหลัก ขณะที่ยุโรป ซึ่งมียอดประมาณ 1 หมื่นคันเช่นกัน ใช้ปิกอัพรองรับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ส่วน ออสเตรเลีย ผสมผสานกันไป ระหว่างการใช้งาน กับไลฟ์สไตล์

ทั้งนี้อีซูซุ จะพยายามหาตลาดส่งออกให้มากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชีย ที่เชื่อว่ายังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก แต่ขณะนี้ยังส่งออกไปตลาดนี้ไม่มากนัก

ส่งออก มิว-เอ็กซ์ ประเดิมออสเตรเลีย

สำหรับตลาดส่งออก เชื่อว่าปีหน้าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น หลังจากมีสินค้าใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ก็คือ รถพีพีวี มิว-เอ็กซ์ ซึ่งจะเริ่มต้นส่งออกแห่งแรกไปออสเตรเลียเดือนนี้ โดยอีซูซุ เชื่อว่าจะสามารถทำตลาดได้ดี เนื่องจากผู้บริโภคชาวออสเตรเลียมีความนิยมรถประเภทนี้มาก และมีตลาดขนาดใหญ่ จึงเป็นตลาดในอนาคตสำหรับการส่งออกของอีซูซุ

ส่วนตลาดในประเทศ หลังจากเปิดจองอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ 6 พ.ย. พบว่าตลาดตอบรับด้วยดี เฉพาะ 10 วันแรกมียอดจองมากกว่า 5,000 คัน และมั่นใจว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้าหมาย 2 หมื่นคันในปีนี้



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 19 ธ.ค. 2556 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc