นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมมีแนวคิดที่จะนำธุรกิจรถยนต์มือ 2 ให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษี เพื่อจัดระเบียบการซื้อขายรถยนต์มือ 2 เนื่องจากธุรกิจนี้ไม่ได้เสียภาษีกับสรรพากรอย่างถูกต้อง หากสามารถจัดเก็บภาษีได้จะช่วยสร้างรายได้มากขึ้น โดยการมีระบบของการซื้อขายที่ดีสามารถผลักดันรถยนต์มือ 2 ในไทยให้สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้จากขณะนี้ตลาดซื้อขายในไทยเริ่มอิ่ม ตัว
"เดิมทีกรมเตรียมเสนอแนวทางไปยังรัฐบาลชุดนี้ แต่เมื่อยุบสภาผู้แทนราษฎร รอนำเสนอไปรัฐบาลชุดใหม่อีกรอบ เพื่อรองรับ รถยนต์มือ 2 ที่เพิ่มขึ้น เดิมทีธุรกิจนี้มีรถยนต์อยู่เพียง 2 ล้านคัน แต่ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3 ล้านคัน คาดว่าการจัดเก็บภาษีจากรถยนต์มือ 2 ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 3 หมื่นล้านบาท" นายสุทธิชัยกล่าว
ทั้งนี้ แนวทางการจัดเก็บภาษีนั้นคงต้องให้กรมการขนส่งทางบกมาช่วยจัดเก็บภาษี โดยเก็บจากราคาประเมินรถยนต์ คล้ายกับการเก็บภาษีซื้อขายที่ดินที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยจะนำต้นแบบการ จัดเก็บภาษีซื้อขายรถยนต์มือ 2 ของประเทศอังกฤษมาดำเนินการ ซึ่งหากสามารถจัดระบบการซื้อขายรถยนต์มือ 2 ได้นอกจากช่วยเรื่องการส่งออกแล้ว ยังเป็นการดึงดูดนักลงทุน เนื่องจากที่ผ่านมามี นักธุรกิจฝั่งยุโรปสนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจรถมือ 2 ในไทย แต่ระบบ การซื้อ-ขายที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ไม่ได้เอื้อให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ
นายสุทธิชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมาการซื้อขายรถยนต์นั้นจะโอนลอย ทำให้กรมไม่สามารถไปเก็บภาษีทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) และภาษีที่เกิดจากกำไรที่เกิดกับการซื้อขายกับเต็นท์รถยนต์ได้ ดังนั้นคงต้องหาระบบที่ทำให้การเสียภาษีเป็นไปอย่างถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาการจัดเก็บภาษีเต็นท์รถนั้นใช้วิธีการเข้าไปตรวจนับสต๊อกของ รถยนต์ แต่ทำได้ลำบาก เพราะบางเต็นท์รถตั้งอยู่อีกแห่ง แต่สต๊อกอยู่อีกแห่ง