จำนวนผู้เข้าชม : 288 ครั้ง
End Page
 
 
ยอดใช้เบนซินร่วง ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ต่อวันหาย 1.3 ล.ลิตร

กรมธุรกิจพลังงาน เผยชัตดาวน์กรุงเทพฯ ฉุดยอดการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินร่วง หายไปวันละ 1.3 ล้านลิตร แอลพีจีภาคขนส่งลดลงตามอีก 2 แสนกิโลกรัมต่อวัน ขณะที่การใช้เอ็นจีวีไม่กระเตื้อง ส่วนดีเซลตัวชี้วัดดัชนีเศรษฐกิจของประเทศปรับขึ้นเล็กน้อยแค่ 8 แสนลิตรต่อวัน แต่การนำเข้าน้ำมันดิบกลับสวนทางพุ่งต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ค้ารายใหญ่อย่างปตท.ยอดขายวูบแล้ว 5 %

นายสมนึก บำรุงสาลี อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือกปปส.ในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ปริมาณการใช้น้ำมันสำเร็จรูปในเดือนมกราคมที่ผ่านมาลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงจากเดือนธันวาคมปีก่อนประมาณ 6 % หรือมีการใช้อยู่ที่ 22.6 ล้านลิตรต่อวัน ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 21.3 ล้านลิตรต่อวันหรือความต้องการใช้หายไป 1.3 ล้านลิตรต่อวัน จากปกติยอดใช้น้ำมันเบนซินแต่ละเดือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากการเติบโตของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าสภาวะเศรษฐกิจของประเทศกำลังชะลอตัว อันเนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินค่อนข้างมาก ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ลดการใช้รถยนต์ในการเดินทาง และส่วนหนึ่งหันไปพึ่งพารถไฟฟ้าแทนเพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการปิดถนน

สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินที่ลดลงในเดือนมกราคมนี้ เป็นการลดลงในส่วนของการใช้น้ำมันเบนซิน 95 ถึง 12 % หรืออยู่ที่ 1.4 ล้านลิตรต่อวัน จากเดือนธันวาคมปีก่อนที่ 1.6 ล้านลิตรต่อวัน ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน โดยการใช้กลไกราคาทำให้เกิดส่วนต่างของราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซินกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ประกอบกับรถยนต์ต่างหันมาผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน และรถยนต์ที่สามารถใช้พลังงานทดแทนได้มากขึ้น ขณะที่การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ปรับตัวลดลง 6 แสนลิตรต่อวัน จากเดือนธันวาคมปีก่อนใช้อยู่ที่ 9.4 ล้านลิตรต่อวัน และแก๊สโซฮอล์ 95 ปรับตัวลดลง 2 แสนลิตรต่อวัน จากธันวาคมปีก่อนใช้อยู่ที่ 7.8 ล้านลิตรต่อวัน

นายสมนึก กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ผลของความวุ่นวายทางการเมือง ยังส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยการใช้น้ำมันดีเซลซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเศรษฐกิจของประเทศในเดือนมกราคม ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.7 % หรือเพิ่มขึ้น 8 แสนลิตรต่อวัน หรืออยู่ที่ 59.7 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากมีการใช้ในต่างจังหวัดเป็นหลัก เพราะเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเมืองมากนัก และยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวทางการเกษตร จึงทำให้การใช้ดีเซลปรับตัวขึ้นมาบ้าง

ขณะที่ยอดการใช้ก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีในภาพรวมปรับเพิ่มขึ้นเพียง 1 % โดยมียอดการใช้รวมอยู่ที่ 20.9 ล้านกิโลกรัมต่อวัน จากเดือนธันวาคมปีก่อนมียอดใช้อยู่ที่ 20.6 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เป็นการเพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือน 4 % อยู่ที่ 6.8 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 7 % อยู่ที่ 1.6 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ส่วนภาคปิโตรเคมีเปลี่ยนแปลงไม่มากนักมีการใช้อยู่ที่ 7.6 ล้านกิโลกรัมต่อวัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ยอดการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งปรับตัวลดลง 3 % มาอยู่ที่ 4.9 ล้านกิโลกรัมต่อวัน จากเดือนธันวาคมปีก่อนอยู่ที่ 5.1 ล้านกิโลกรัมต่อวัน อีกทั้งยังพบว่า ความต้องการใช้ก๊าซเอ็นจีวีในเดือนมกราคมปีนี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคขนส่งสำหรับรถบรรทุกเป็นหลัก ไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ยังมีการใช้อยู่ที่ 8.4 ล้านกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งอาจจะแสดงให้เห็นว่าภาคการขนส่งอยู่ในสภาวะทรงตัว โดยที่การขนส่งสินค้าไม่ได้เพิ่มขึ้นด้วย

นายสมนึก กล่าวเสริมอีกถึงการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงในเดือนมกราคมปีนี้ พบว่าสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีก่อน 8 % หรืออยู่ที่ 966 พันบาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 7 % อยู่ที่ 882 พันบาร์เรลต่อวัน น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น 22 % อยู่ที่ 84 พันบาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากโรงกลั่นหลายแห่งของประเทศหยุดซ่อมบำรุง โดยมีมูลค่าการนำเข้ารวมอยู่ที่ 110 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีก่อน 11 %

ขณะที่การนำเข้าก๊าซแอลพีจีในเดือนมกราคม อยู่ที่ 180 ล้านกิโลกรัมต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีก่อนถึง 9 % ส่งผลให้รัฐต้องจ่ายเงินชดเชยอุดหนุนราคานำเข้าประมาณ 4.707 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซที่ถูกฟ้าผ่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 เป็นต้นมา และคาดว่าจะซ่อมแล้วเสร็จได้ประมาณเดือนเมษายนปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าแอลพีจีลดลงได้

สำหรับการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปลดลง 37 % อยู่ที่ 155 พันบาร์เรลต่อวัน จากที่เดือนธันวาคมปีที่แล้วอยู่ที่ 246 พันล้านบาร์เรลต่อวัน และมีมูลค่าการส่งออกลดลง 38 % คิดเป็นมูลค่าส่งออก 17 พันล้านบาท จากที่เดือนธันวาคมปีก่อนมีมูลค่า 28 พันล้านบาท สอดคล้องกับนายชวลิต พันธ์ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมยอดใช้น้ำมันในช่วงเดือนมกราคม 2557 ที่ผ่านมา ลดลงเล็กน้อย ส่วนหนึ่งมาจากการชุมนุมทางการเมือง ทำให้จำนวนรถยนต์วิ่งบนท้องถนนในพื้นที่กรุงเทพฯลดลงบ้าง ซึ่งในส่วนยอดขายน้ำมันของสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ในช่วงชุมนุมลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะยอดขายกลุ่มน้ำมันเบนซินที่ลดลง5% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการชุมนุม ในขณะที่ยอดขายน้ำมันดีเซลยังทรงตัว

อย่างไรก็ตาม หากประเมินในภาพรวมของปีนี้ ยอดขายน้ำมันของปตท.จะไม่ลดลงมากนัก เนื่องจากมีปริมาณการขายน้ำมันเครื่องบินหรือเจ็ตออยล์เพิ่มขึ้น ทดแทนยอดขายน้ำมันกลุ่มเบนซินที่ลดลง ส่วนภาพการใช้น้ำมันในปีนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะลดลงมากน้อยเพียงไร เพราะขึ้นอยู่กับความยืดเยื้อทางการเมืองด้วย หากลากยาวออกไป จะทำให้กระทบต่อยอดใช้น้ำมันด้วยเช่นกัน


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล : http://www.thanonline.com



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 25 ก.พ. 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc