จำนวนผู้เข้าชม : 321 ครั้ง
End Page
 
 
เทคโนโลยีมีอิทธิพลต่อการซื้อ ค่ายรถผนึก "กูเกิล"...ชิงลูกค้า

นับเป็นอีกก้าวสำคัญของเทคโนโลยียานยนต์ เมื่อยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิล ได้ประกาศเป็นพันธมิตรกับบริษัทรถยนต์ชื่อดัง ทั้งออดี้ เจนเนอรัล มอเตอร์ส ฮอนด้า ฮุนได เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่จะนำไปติดตั้งในรถยนต์หลายร้อยล้านคันทั่วโลกในอนาคต จากการที่ผู้ผลิตรถยนต์เองก็ต้องการปฏิรูประบบซอฟต์แวร์ภายในรถเพื่อให้มีความทันสมัยและรองรับกับการใช้งานสมาร์ทโฟน ซึ่งประกอบไปด้วยระบบเอ็นโฟเทนเมนต์ ต่าง ๆ

การประกาศความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นในวันก่อนงานอินเตอร์เนชั่นแนล คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส รวมถึงค่ายรถยนต์อย่างโฟล์คสวาเกน ออดี้ จีเอ็มที่เข้าร่วมงานด้วย ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนการเติบโตของนิทรรศการด้านอิเล็กทรอนิกส์ภายในรถยนต์

บริษัทค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่ที่เลือกพัฒนาระบบเชื่อมต่อระบบอินโฟเทนเมนต์ในรถยนต์นั้น มักจะเลือกระบบปฏิบัติการที่มีความเสถียรมากกว่าระบบใหม่ ๆ ที่แม้จะมีฟังก์ชั่นมากกว่า เนื่องจากต้องการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้ลูกค้า จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนแท็บเลตและสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันแอป

เนวิเกเตอร์ปัจจุบันก็ถูกบรรจุอยู่ในสมาร์ทโฟนหมดแล้ว และผู้ปกครองมักจะเลือกซื้อสมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตให้เด็ก ๆ ใช้เพื่อเล่นเกม หรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ แทนที่จะใช้จอดีวีดีที่ติดตั้งบริเวณเบาะหลัง จึงมีความจำเป็นที่ต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มารองรับ

บริษัทวิจัยในสหรัฐได้ทำการสำรวจอิทธิพลของเทคโนโลยีและระบบเชื่อมต่อในรถยนต์ว่ามีอิทธิพลต่อการซื้อรถแต่ละรุ่นเพียงใด พบว่าเทคโนโลยีมีความสำคัญถึง 35% ตามมาด้วยสมรรถนะรถ 22% คุณค่าแบรนด์และราคาขายต่อ 19% ดีไซน์ 12% ระบบเซฟตี้ 8% และความหรูหรา 4%

ซึ่งกระบวนการผลิตซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเชื่อมต่อสำหรับรถยนต์นั้น ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ค่ายรถต้องพึ่งพาบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์สร้างแอปพลิเคชั่นขึ้นมาใหม่ ค่ายรถยนต์จึงเลือกวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ อย่างก่อนหน้านี้ที่บีเอ็มดับเบิลยู และจีเอ็ม ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับอินเทล ร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ฟอร์ด มอเตอร์ ที่เลือกใช้ซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์ ภายใต้ชื่อเทคโนโลยี "Myford Touch" ที่จะเชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับโทรศัพท์มือถือ และสามารถใช้คำสั่งเสียงได้ ส่วนค่ายรถยนต์อื่น ๆ ก็มีบางรายที่หันมาใช้ซอฟต์แวร์ชื่อ "QNX" ที่มาจากแบล็คเบอร์รี่

ขณะที่ระบบแอนดรอยด์นั้นมีความได้เปรียบกว่าซอฟต์แวร์อื่น ๆ เพราะทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมการผลิตโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์มีแนวโน้มที่จะเริ่มทดสอบและใช้ระบบ

แอนดรอยด์มากขึ้น ซึ่งหากค่ายรถยนต์เลือกพัฒนาระบบในรถยนต์ให้รองรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ก็จะหมายถึงการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่า เทคโนโลยีที่ใหม่กว่า ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และสำหรับ

ผู้ผลิตแอปพลิเคชั่นก็หันมาผลิตแอปฯป้อนแอนดรอยด์เยอะมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู เกีย ออดี้ และโตโยต้า ก็ใช้เทคโนโลยีของกูเกิล สำหรับการค้นหาแผนที่ และฟังก์ชั่น อื่น ๆ อยู่แล้ว

ส่วนแอปเปิลนั้นก็ได้รับความร่วมมือจากค่ายรถยนต์ชั้นนำหลายแบรนด์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู เบนซ์ เดมเลอร์ และฮอนด้า โดยในช่วงกลางปีที่ผ่านมาได้ประกาศความร่วมมือในอุตสาหกรรมยานยนต์ภายใต้ชื่อ "iOS in car" พร้อมนำเสนอระบบการขับขี่แบบแฮนด์ฟรีที่ไม่ต้องใช้คนขับ ผ่านการควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ แทนในรถ

เทสลา มอเตอร์ ถือเป็นค่ายรถยนต์ที่ทันสมัยที่สุดค่ายหนึ่ง ที่พยายามทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำในด้านเทคโนโลยีติดล้อ ด้วยคอนเซ็ปต์การพัฒนารถยนต์สู่วิวัฒนาการใหม่ที่รถยนต์ไฟฟ้า S Sedan ทุกรุ่น จะติดตั้งจอทัชสกรีนขนาด 17 นิ้ว และพร้อมที่จะเข้าถึงการสตรีมมิ่งวิดีโอด้วยการเลื่อนนิ้วกดเพียงไม่กี่ครั้ง สามารถแบ่งหน้าจอหลักและหน้าจอย่อยเพื่อใช้งานกูเกิลแมปไปพร้อมกับระบบความบันเทิงอื่นได้

ส่วนบริษัทอื่น ๆ ในซิลิกอนวัลเลย์ บริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ "CloudCar" กำลังทำงานเพื่อเชื่อมเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมยานยนต์เข้าด้วยกัน ด้วยการพัฒนาคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่สามารถเชื่อมต่อไฟในรถ ที่จะสามารถแสดงข้อมูลอินโฟเทนเมนต์ต่าง ๆ ซึ่งไอเดียนี้ทำให้ค่ายรถสามารถต่อยอดฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในรถได้อีกเยอะ และผู้ผลิตซอฟต์แวร์ก็พยายามพัฒนาอุปกรณ์เพื่อให้รองรับกับการติดตั้งในรถทุกแบรนด์ เพื่อการใช้งานที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 08 มี.ค 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc