สำหรับคนที่ชอบรถแต่งเสร็จจากโรงงาน อัลติส เอส สปอร์ตน่าจะเป็นอีกตัวเลือกที่โดนใจ เพราะนอกเหนือไปจากภายนอกที่ดูสปอร์ตขึ้นแล้ว ระบบช่วงล่างและโครงสร้างตัวถังของเอส สปอร์ตยังได้รับการปรับแต่งใหม่ให้เหมาะกับการใช้งานในย่านความเร็วสูง ๆ กับมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นอีกด้วย และสำคัญที่สุดค่าตัว 899,000 บาท ถือว่าไม่สูงเกินไป
ส่วนของโครงสร้างตัวถังโดยพื้นฐานเหมือน อัลติส รุ่นวีตัวท็อปที่เคยนำลงไปแล้ว แต่โตโยต้าได้เพิ่มครอสบาร์เสริมความแข็งแรงที่บริเวณด้านหลังเบาะนั่งหลัง ช่วยให้โครงสร้างตัวถังมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นอีก 30% และส่งผลให้การบิดของตัวถังลดลงเมื่อใช้ความเร็วสูง
ระบบช่วงล่างถูกปรับเปลี่ยนสปริงและโช้คอัพให้รองรับกับการขับขี่สามารถเข้าโค้งเร็วและแรงขึ้นได้อย่างมั่นใจ โดยสปริงคู่หน้าเพิ่มความแข็งโดยรวมขึ้นอีก 6% จากรุ่นวี แต่เพื่อให้ยังคงความนิ่มและหนึบ สปริงที่ให้เป็นแบบที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ปลายทั้ง 2 ด้านเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน เผื่อมีการกระแทกที่ไม่รุนแรงสปริงส่วนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่าและแข็งน้อยกว่าจะเป็นตัวดูดซับแรงที่เกิดขึ้นไม่มากนั้นเอาไว้ จึงทำให้รถยังทรงตัวได้อย่างนิ่มนวล
สำหรับกรณีที่มีการเข้าโค้งเร็วและแรงขึ้น สปริงส่วนที่เส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่าและแข็งกว่า จะเริ่มทำหน้าที่รับแรงกดส่วนที่มากขึ้นเอาไว้ เพื่อให้ตัวรถยังยึดเกาะถนนได้ดี ไม่เกิดอาการยวบ ส่วนช่วงล่างด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีมและมีเพิ่มค่าความแข็งของสปริงขึ้นอีก 5% เมื่อเทียบกับรุ่นวี และเปลี่ยนโช้คอัพมาใช้แบบที่มีจังหวะในการยึดตัวช้ากว่าจังหวะยุบตัวเพื่อลดอาการอาการโคลงของด้านท้ายขณะอยู่ในโค้ง เพิ่มการยึดเกาะถนนยิ่งขึ้นด้วยล้อขอบ 17 นิ้วและยางหน้ากว้างขนาด 215/45R17 ของมิชลิน รุ่นไพลอต สปอร์ต 3
ภายนอกตกแต่งแบบสปอร์ตด้วยสเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลังลายคาร์บอนไฟเบอร์ ท่อไอเสียชุบโครเมียม และสปอยเลอร์หลัง ใต้ที่เก็บยางอะไหล่ติดแผ่นปิดที่มีครีบคล้าย ๆ ดิฟฟิวเซอร์ เพื่อจัดทิศทางของอากาศให้ไหลออกจากใต้ท้องได้อย่างรวดเร็ว กระจกมองข้างและไฟท้ายได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อช่วยลดแรงต้านอากาศและลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
ภายในห้องโดยสารใช้โทนสีดำและตัดเส้นด้วยคิ้วโครเมียม บุคอนโซลกลางด้วยวัสดุลายคาร์บอนไฟเบอร์ ชุดเครื่องเสียงติดรถเป็นวิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดีกับเอ็มพี3 และมีช่องต่อยูเอสบี แผงหน้าปัดใช้แบบเรืองแสงทรงสปอร์ตแบบ 3 วง พวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มหนังปรับได้ 4 ทิศทาง มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่ก้านและแป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลัง เบาะนั่งหุ้มหนังโดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบบัคเก็ตซีท เพิ่มความกระชับด้านข้างลำตัว ตัวคนขับจึงไม่ไหลไปมาตามแรงเหวี่ยงขณะเข้าโค้งได้ง่าย ๆ ห้องโดยสารตอนหลังมีขนาดกว้างขวาง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ โตโยต้าได้จัดทริปทดสอบสมรรถนะของอัลติส เอส สปอร์ต โดยเลือกใช้เส้นทางบนเขาอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่เป็นหลัก ซึ่งในส่วนของตัวเครื่องยนต์โดยรวม ๆ เหมือนรุ่น 1.8 วีคือตอบสนองได้ดีช่วงออกตัว การเร่งแซงช่วงความเร็วต่ำกว่า 120 กม./ชม. วางใจได้ ที่ความเร็วสูงกว่านี้ก็ไหลขึ้นได้เรื่อย ๆ และมีระบบเบรกที่หยุดรถได้ในระยะสั้นอย่างปลอดภัย
ในสภาพทางบนเขาแบบนี้ ถ้าแรงส่งมาน้อยและเป็นช่วงที่ทางชันมาก ๆ รถจะอืด จนต้องเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำเพื่อให้รถมีกำลัง และการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเป็นการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกขณะลงเขา ตัวแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยทำงานได้ทันใจ
การทำงานของพวงมาลัยเบาและไวไปสักนิด ส่วนระบบช่วงล่างที่ถูกปรับใหม่ช่วยให้รถทรงตัวได้ดี สำหรับเส้นทางแบบนี้ แต่เมื่อวิ่งบนถนนปกติ ยางแก้มเตี้ย ๆ จะมีอาการสะเทือนชัดเจน ดังนั้นจึงต้องเพิ่มความระวังเวลาเจอหลุมหรือคอสะพาน เพราะยางแก้มเตี้ยอย่างนี้ บวมได้ง่ายมากถ้าถูกกระแทกแรง ๆ สำหรับอัตราการกินน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ในทริปนี้ อยู่ที่ประมาณ 10 กม./ลิตร
สรุปโดยรวมแล้ว ความน่าใช้ของอัลติส เอสสปอร์ตนั้นอยู่ที่ตัวรถเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด การตกแต่งสวยเท่ ภายในกว้างขวาง เครื่องยนต์มีสมรรถนะดี ช่วงล่างแม้จะกระด้างหน่อยแต่ให้การยึดเกาะถนนมั่นใจ ของที่ให้มากับตัวรถเทียบกับคู่แข่งแล้ว ถือว่าเหมาะสมกับราคาค่าตัวที่น่าคบ.