ค่ายรถยนต์เชื่อขายปีนี้เบ่งเต็มที่ไม่เกิน 1.1 ล้านคัน "ฮอนด้า" ชี้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจ ผลจากพิษเศรษฐกิจ-การเมือง ด้านนิสสัน-มาสด้าวอนทุกค่ายหันมามองสภาพตลาดบนพื้นฐานความเป็นจริง ลุ้นมอเตอร์โชว์ช่วยกระตุ้นการจับจ่ายหวังตลาดครึ่งปีหลังฟื้น
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงสภาพตลาดรถยนต์ในปัจจุบันว่า ตลาดรถยนต์มีการเติบโตที่ลดลงไปค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นภาพสะท้อนมาจากความไม่มั่นใจของผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์ทางการเมือง และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้ฮอนด้าเชื่อว่ายอดขายรถยนต์ปีนี้จะอยู่ที่ 1.13 ล้านคัน ซึ่งยังต้องรอดูสถานการณ์และมีการจับตาตลาดอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะปัจจัยที่อาจจะส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ ขณะนี้จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคมีความสามารถในการจับจ่ายลดลง ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายของฮอนด้า และค่ายรถยนต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะในตลาดรถขนาดเล็กอย่างอีโคคาร์ที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีผู้เล่นในตลาดเป็นจำนวนมาก
"วันนี้ตลาดเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ใช่ค่ายรถยนต์เป็นผู้กำหนด สำหรับฮอนด้า เราจะพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างอีโคคาร์ของเราทั้งบริโอ้และบริโอ้ อเมซ ตัวเลขที่เราได้มาก็ถือว่ายังไม่น่าพอใจเท่าไร นี่คือโจทย์ที่ฮอนด้าต้องพยายามปรับปรุง"
นายพิทักษ์กล่าวอีกว่า ตอนนี้ตลาดไม่มีความคึกคักเท่าที่ควร แม้ว่าจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมา แต่ยอดขายเมื่อเทียบกับปีก่อนก็ยังลดลง ทั้งนี้ ฮอนด้าเชื่อว่าในไตรมาสแรกน่าจะเป็นช่วงเวลาที่มียอดขายตกต่ำมากที่สุดของปีนี้แล้ว และช่วงงานมอเตอร์โชว์น่าจะมีส่วนช่วยสำคัญในการทำให้บรรยากาศของตลาดรถยนต์กระเตื้องขึ้น และฮอนด้ายังคงยืนยันเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 1.8 แสนคัน
นายประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นิสสันประเมินสภาพตลาดรถยนต์ปีนี้ว่าจะมียอดขายแค่ 900,000 กว่าคัน ไปจนถึง 1 ล้านคัน ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขที่ดีที่สุดสำหรับปีนี้ เนื่องจากตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยอยู่ในภาวะชะงัก มีความไม่ชัดเจนทางการเมือง รวมทั้งนโยบายพื้นฐานต่าง ๆ ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันนี้รถยนต์กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานไปแล้ว ถึงเวลาก็ต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ บวกกับค่ายรถยนต์ที่เตรียมแผนการส่งรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาด ทุกคนยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่ตัวเองวางไว้ แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมจะไม่เอื้ออำนวยตามก็ยังพอขับเคลื่อนไปได้ แต่สิ่งสำคัญที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จะต้องยึด คือตัวแปรสำคัญและโจทย์ที่เปลี่ยนไปในการทำตลาด ผ่านมา 2-3 เดือนค่ายรถยนต์ควรจะมองสภาพตลาดบนพื้นฐานความเป็นจริงด้วย และจะต้องมาดูตัวเลขและสถานการณ์ของตลาดในครึ่งปีหลังว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
นายมาร์คอส เพอร์ตี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ความท้าทายของบริษัทและตลาดรถยนต์ไทยในขณะนี้ คือสภาพเศรษฐกิจและการเมืองทำให้ชะลอตัว เดิมเชฟโรเลตประเมินว่ายอดขายรถยนต์ปีนี้น่าจะอยู่ระดับ 1.2 ล้านคัน แต่ปรากฏว่าผ่านมาเกือบ 1 ไตรมาส บริษัทได้พิจารณายอดขายโดยรวมจากปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เชื่อว่ายอดขายปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1 ล้านคัน
ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ดังนั้น บริษัทจึงหันมามุ่งเน้นกับสิ่งที่สามารถควบคุมได้ คือ ควบคุมคุณภาพของสินค้า บริการหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุดต่อแบรนด์เชฟโรเลต
เช่นเดียวกับนางสาวสุรีทิพย์ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาค่ายรถยนต์เลือกใช้วิธีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้า จะเห็นว่ามีลูกค้าจำนวนหนึ่งที่เปลี่ยนพฤติกรรมการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์โดยมองราคาเป็นสำคัญ มากกว่าความต้องการใช้งานที่แท้จริง
ดังนั้น สิ่งที่ค่ายรถยนต์ควรหันมาให้ความสำคัญในขณะนี้ คือ ช่วยกันสร้างดีมานด์ของตลาดให้เกิดขึ้น รวมทั้งหันมาใช้วิธีการทำตลาดโดยใช้สินค้าเป็นตัวนำมากกว่าแคมเปญส่งเสริมการขาย และ มาสด้ากำลังพยายามเร่งสร้างดีมานด์ให้กลับคืนมา โดยใช้วิธีให้ผลิตภัณฑ์หรือรถยนต์เป็นตัวนำในการทำตลาด
เช่นเดียวกับบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) ที่นายมาซะฮิโกะ อูเอกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ยอมรับว่า จากสภาพตลาดรถยนต์ที่อยู่ในช่วงขาลง มิตซูบิชิได้ปรับวิธีการทำตลาดด้วยการใช้การมิกซ์การขายและการตลาดเข้าด้วยกันกับการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเก่า