"ตง ฟง" ลุยตลาดส่งออก ขอสิทธิ์ขายรถในลาว พม่า กัมพูชา หลังตลาดไทยหดตัว ปีนี้ต่อยอดธุรกิจมือสอง "ตงฟง Yes !" สร้างความมั่นใจลูกค้า พร้อมลดเงินดาวน์รถใหม่เหลือแค่ 20,000 บาท ลั่นเดินเครื่องขายบรรทุกเล็กเครื่องดีเซลปีหน้า โกยยอดต่างจังหวัดเพิ่ม
นายพิทยา ธนาดํารงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดเล็กแบรนด์ตงฟง เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ที่หดตัวลงอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาสแรก แต่สำหรับเซ็กเมนต์ของรถบรรทุกขนาดเล็กได้รับผลกระทบน้อยกว่าตลาดรถยนต์ คาดว่าปีนี้รถบรรทุกเล็กน่าจะหดตัวเพียง 10-20%
บริษัทส่ง 3 กลยุทธ์เพื่อรักษายอดขาย คือ การเริ่มทำตลาดส่งออก การเปิดรถโมเดลใหม่ และการเริ่มจำหน่ายรถยูสคาร์ ซึ่งคาดว่าทั้ง 3 ด้านน่าจะช่วยให้บริษัทมียอดขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา คาดว่าปีนี้น่าจะมียอดขายอยู่ที่ 2,700 คัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ 3,000 คัน แผนแรกคือการตลาดส่งออกนั้น บริษัทได้ขอสิทธิ์การจำหน่ายรถตงฟงในประเทศเพื่อนบ้านคือ ลาว พม่า และกัมพูชา และนำเข้าชิ้นส่วนสำหรับประกอบรถพวงมาลัยซ้ายมาประกอบรถในไทย ก่อนส่งไปจำหน่ายยังประเทศเหล่านี้ โดยใน สปป.ลาวนั้นบริษัทมีดิสทริบิวเตอร์แล้ว คาดว่าปีนี้จะมีการเปิดโชว์รูมในลาวจำนวน 6 แห่ง และจะเริ่มจำหน่ายรถได้ราวเดือนตุลาคมนี้ ตั้งเป้ายอดขายจนถึงสิ้นปีไว้ที่ 200-300 คัน ส่วนปีหน้าตั้งเป้ายอดขายถึง 1,000 คัน
ส่วนในพม่าและกัมพูชานั้นอยู่ในระหว่างการหาผู้ร่วมทุนอยู่ คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนได้ในปีหน้า กลยุทธ์สำคัญคืออีกด้านคือ การเปิดธุรกิจจำหน่ายตงฟง ยูสคาร์ ภายใต้ชื่อ "ตงฟง Yes !" เพื่อจำหน่ายรถมือสองของบริษัท ทั้งจากการรับเทิร์นจากลูกค้าทั่วไป และรถที่ยึดได้จากสถาบันการเงิน โดยรถทุกคันนั้นจะถูกส่งกลับมาโรงงานเพื่อปรับสภาพ ก่อนจะนำมาขายที่โชว์รูมอีกครั้งพร้อมการรับประกันนาน 1 ปี หรือ 20,000 กม. เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าด้านราคาขายต่อ ซึ่งในปีนี้จะเริ่มเปิดตงฟง Yes ! ในโชว์รูมตงฟงทุกแห่งทั่วประเทศด้วย
โดยคาดว่าการจำหน่ายรถมือสองจะทำยอดขายได้ราว 200-300 คันต่อปี และ ด้านสุดท้ายคือด้านสินค้า ที่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้มีแผนจะเปิดตัวรถใหม่ถึง 3 รุ่น เป็นการไมเนอร์เชนจ์ที่เพิ่มออปชั่น มากขึ้น 1 รุ่น คือ การเปลี่ยนเครื่องยนต์บล็อกใหม่ที่มีแรงม้าเพิ่มขึ้น ผ่านมาตรฐานยูโร 4 ใช้พวงมาลัยพาวเวอร์ และมีการตกแต่งภายในที่สวยงามยิ่งขึ้น แต่ตั้งราคาจำหน่ายเท่ากับราคารุ่นเดิม และจะเปิดตัวรถใหม่อีก 2 รุ่น โดย 1 ในนั้นเป็นรถปิกอัพตอนครึ่งที่มีระดับราคาเริ่มที่ราว 300,000 บาท นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบฯลงทุนกว่า 80 ล้านบาท เพื่อเพิ่มไลน์การประกอบรถบรรทุกเล็กเครื่องยนต์ดีเซล คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ในปีหน้า ซึ่งจากนี้บริษัทได้ร่วมกับ สถาบันการเงินในการปรับลดเงินดาวน์ลง จากเดิมที่ต้องดาวน์ประมาณ 20% ขึ้นไป คิดเป็นจำนวนเงินราว 60,000 บาท ปีนี้ก็จะปรับลดเงินดาวน์เริ่มต้นลงเหลือ 10-15% ซึ่งคิดเป็นเงินราว 20,000 บาทเท่านั้น เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น