หลังจากฮอนด้าแนะนำได้เริ่มนำ ฮอนด้า แจ๊ซ รถแฮตช์แบ็ก 5 ประตูเข้ามาในบ้านเราเมื่อปี 2546 ถือเป็นการสร้างกระแสความนิยม พลิกโฉมความต้องการใช้รถยนต์ด้วยดีไซน์แปลกใหม่ การขับขี่คล่องตัว มากด้วยประโยชน์ใช้สอยทำให้แจ๊ซทั้ง 2 เจเนอเรชั่นที่ผ่านมา มียอดขายสะสมในประเทศไทยกว่า 205,000 คัน ที่ครองใจลูกค้าทั่วโลกด้วยยอดขายสะสมรวม 5.2 ล้านคัน

ล่าสุด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้แนะนำ ฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่มีความโดดเด่นทันสมัยเพิ่มมากขึ้นในทุกมิติ ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เน้นการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่ม GEN ME ที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เป็นคนรุ่นใหม่ยุคดิจิทัลที่เน้นการสื่อสารออนไลน์ แจ๊ซ ใหม่ มีการพัฒนาและออกแบบใหม่สไตล์สปอร์ตตั้งแต่กระจังหน้าจดไฟท้ายแบบแอลอีดี ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย และรองรับการใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งปรับพับได้แบบอัลตร้า ซีต อันเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่น

แจ๊ซ เปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร ที่พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ผสานระบบเกียร์อัตโนมัติซีวีทีใหม่ ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาทีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด สะดวกสบายกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน Eco Assist และรองรับพลังงานทางเลือก E85 เหนือชั้นกับไลฟ์สไตล์ฟังก์ชั่นที่ล้ำสมัย เทคโนโลยีอัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยครบครัน ตอบรับทุกการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชั่น ด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย รองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri Eyes Free Mode (สำหรับ iPhone 4s ขึ้นไป) รองรับการเชื่อมต่อ HondaLink Application (เฉพาะ สมาร์ทโฟนบางรุ่น) จอแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส

ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นที่ให้การควบคุมง่ายเพียงปลายนิ้วด้วยสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัยนอกจากนี้ยังมีEcoCoaching ระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน รวมทั้งปุ่ม Econ Mode เป็นระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสมกับอุณหภูมิภายนอกรถ เพื่อช่วยควบคุมการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ล้ำหน้าด้วยมาตรฐานความปลอดภัย (Multi-Safety) ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ G-Force Control (G-CON) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ซึ่งมีอยู่ในฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ทุกรุ่น เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยกล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ และเทคโนโลยีความปลอดภัยของรถระดับพรีเมี่ยม อาทิ ระบบถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ (i-Side Airbag) พร้อมม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)

เบาะนั่งอัลตร้า ซีต ที่ปรับเปลี่ยนได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode, Long Mode, Tall Mode และเพิ่มโหมดใหม่ล่าสุด Refresh Mode ที่สามารถพับเบาะด้านหน้าเชื่อมต่อเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด ตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมที่วางแก้วน้ำมากสุด 9 ตำแหน่ง ที่วางโทรศัพท์มือถือ และกล่องเก็บแท็บเลตฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ มีให้เลือก 6 รุ่น ได้แก่ รุ่น S MT ราคา 555,000 บาท, S AT ราคา 594,000 บาท, V ราคา 654,000 บาท, V+ ราคา 694,000 บาท, SV ราคา 739,000 บาท และรุ่น SV+ ราคา 754,000 บาท โดยมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และสีขาวทาฟเฟต้า และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเหลืองแอทแทรค (มุก) สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) (สำหรับสีมุกเพิ่ม 6,000 บาท)

ส่วนภายในห้องโดยสารทุกรุ่นเป็นสีดำ รุ่น S, V และ V+ เป็นเบาะผ้าสีดำ และรุ่น SV และ SV+ เป็นเบาะผ้าสีดำแบบสปอร์ตพบฮอนด้า แจ๊ซ ใหม่ ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือคลิก www.honda.co.th/jazz