ตลาดรถอเนกประสงค์ประเภทเอสยูวีบ้านเราในช่วงไม่กี่ปีมานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากเดิมรถประเภทนี้จะมีอยู่ไม่กี่ราย รุ่นหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้น ฮอนด้า ซี-อาร์วี ขายดิบขายดีอยู่เจ้าเดียว ส่วนนิสสัน เอ็กซ์เทรล ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ที่เหลือค่ายอื่นก็ถือว่าเป็นประเภท "ไม้ประดับ" ไม่ใช่ผู้เล่นหลัก ต่อมาเริ่มได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเพราะตอบโจทย์การใช้งาน เป็นไปได้มากกว่ารถเก๋ง ทั้งรูปลักษณ์ตัวรถ กว้างขวาง สะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขนของและขนคน ทำให้มาระยะหลัง ค่ายอื่นเริ่มผลิตรถประเภทนี้ออกมาบ้าง อย่างเช่น ฟอร์ด เอสเคป เชฟโรเลต แคปติวา ล่าสุดก็ มาสด้า 3 สกายแอคทีฟ ส่งผลให้ตลาดเริ่มคึกคักเกิดการแข่งขันรุนแรงขึ้น และส่วนแบ่งการตลาดรถประเภทนี้เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ล่าสุด เชฟโรเลต แคปติวา รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ขยับไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว เชฟโรเลต แคปติวา รุ่นปรับปรุงโฉม โดยเชิญสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกิจกรรมทดสอบขับเชฟโรเลต แคปติวาบนเส้นทางกว่า 200 กม. ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเร็วๆ นี้
แคปติวาโฉมปี 2014 ได้เพิ่มเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ พร้อมตกแต่งปรับรูปลักษณ์และพัฒนาสมรรถนะไปอีกขั้น เริ่มจากเพิ่ม ระบบเข้า-ออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ (Passive Entry Passive Start-PEPS) ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกประตูและสตาร์ตเครื่องยนต์เมื่ออยู่ในรัศมีของเซ็นเซอร์ โดยไม่ต้องถือกุญแจในมือ ระบบควบคุมอากาศแบบดูอัลโซน ของแคปติวาใหม่ ช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารเบาะหน้าเลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระ เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารทุกที่นั่ง มีสวิตช์ควบคุมบนพวงมาลัยยังเป็นแบบเรืองแสง เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้นในสภาวะแสงสว่างไม่เพียงพอ สามารถควบคุมระบบเครื่องเสียงและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ครูสคอนโทรล) สำหรับการตกแต่งภายใน ปรับเปลี่ยนพื้นผิวของวัสดุทั่วทั้งห้องโดยสารให้มีความหรูหรายิ่งขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอก แคปติวาได้ปรับดีไซน์กันชนหน้าแบบใหม่ พร้อมฝาครอบไฟตัดหมอก กันชนหลังออกแบบใหม่คู่กับปลายท่อไอเสียโครเมียมและกรอบไฟหลังสไตล์ใหม่ แคปติวาโฉมใหม่ยังติดตั้งบันไดข้างสแตนเลส ช่วยให้เข้าออกรถได้สะดวกสบายมากขึ้น (เฉพาะรุ่น 2.0 ดีเซล LTZ) สำหรับรุ่น LT มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มีช่องปรับอากาศ เพื่อความเย็นสบายของผู้โดยสารแถวที่สามและเบาะรองรับ 5 ถึง 7 ที่นั่ง พร้อมเนื้อที่เก็บสัมภาระ 930 ลิตร ระบบเครื่องเสียงเทคโนโลยีแบบสามมิติ (Three-Dimensional Sound Staging) พร้อมลำโพงแปดตัว มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 บล็อก เริ่มจากเบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร E85 พร้อมเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว และระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (Double CVC) ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร แคปติวาถือว่าเป็นรถเอสยูวีรุ่นแรกในเซ็กเมนต์นี้ที่รองรับเชื้อเพลิง E85
ส่วนอีกเครื่องยนต์เป็นบล็อกดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว พร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอนเรลแรงดันสูงให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 163 แรงม้า เกียร์ GF6 ใหม่ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้แรงบิดทั้งสองเครื่องยนต์ดีขึ้นจุดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ในแคปติวา คือ แรงบิดมาที่รอบเครื่องยนต์ต่ำที่ 1,750 รอบ/นาที ไปจนถึงสูงสุด 2,750 รอบ/นาที ทำให้การขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองมีสมรรถนะสูงเท่าเทียมกัน รอบเครื่องยนต์ต่ำยังทำให้การขับขี่มีความเงียบและประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น กำลังเครื่องยนต์ถูกถ่ายทอดสู่ล้อด้วยระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รหัส GF6 เจเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมฟังก์ชั่น DSC (Driver Shift Control) ถือเป็นรถเกียร์ 6 สปีด รุ่นแรกในเซ็กเมนต์นี้เมื่อเปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2554 สำหรับแคปติวาใหม่นี้มีทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและขับเคลื่อนสี่ล้อ
มีเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่และช่วงล่างให้ความรู้สึกมั่นคง ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบมัลติ-ลิงก์ ระบบการควบคุมทำได้ง่าย พวงมาลัยแม้จะดูมีขนาดใหญ่เทอะทะไปบ้าง แต่ให้การควบคุมที่แม่นยำและการขับขี่คล่องตัว แม้ว่าจะไม่คล่องตัวเหมือนรถเก๋ง อาจเป็นเพราะรูปร่างค่อนข้างใหญ่ ทำให้ในช่วงต้นตอนออกตัว จึงไม่ปรู๊ดปร๊าดมากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียด ส่วนระยะทางไกลไม่มีปัญหาในการยึดเกาะถนน ทำได้ค่อนข้างนิ่งแม้ในขณะความเร็วสูง ที่สำคัญยังคงโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ เพื่อรักษาความสูงของตัวรถเมื่อน้ำหนักบรรทุกต่างกัน ช่วยควบคุมและเพิ่มเสถียรภาพในการทรงตัว ระบบความปลอดภัยของแคปติวามีทั้งเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุและเชิงปกป้องเมื่อเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเบรกไฮดรอลิกส์ (HBA) ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)
มีระบบป้องกันการลื่นไถลบนทางลาดชัน (HSA) ป้องกันไม่ให้ตัวรถไหลถอยหลังเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากเบรก พร้อมระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS และ EBD ในการรักษาความเร็วของตัวรถเมื่อลงทางลาดชันและมีความลื่น ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวและการคุมพวงมาลัย มีถุงลมนิรภัยคู่หน้า ม่านถุงลมนิรภัย และเข็ดขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ เชฟโรเลต แคปติวา 2014 มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ได้แก่ เบนซิน 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสองล้อ LSX 1,298,000 บาท เบนซิน 2.4 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ 1,595,000 บาท ดีเซล 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสองล้อ LSX 1,425,000 บาท ดีเซล 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ ขับเคลื่อนสี่ล้อ LTZ 1,719,000 บาท