รถนำเข้าอิสระสะดุด ลูกค้าแหยง สรรพากรบี้สอบคนซื้อรถเกิน 3 ล้านแถม สมอ.เปิดเว็บไซต์ให้ตรวจสอบรถก่อนซื้อ ขู่มีสิทธิ์เจอฟ้อง พร้อมขึ้นค่าธรรมเนียมตรวจรถกว่าเท่าตัว ผลพวงจากกรณีกรมสรรพากรมีนโยบายตรวจสอบการเสียภาษีผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระจากต่างประเทศ(เกรย์มาร์เก็ต) ว่ามีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ โดยระบุว่าจะทำหนังสือถึงผู้ซื้อรถจากเกรย์มาร์เก็ตทุกราย ให้ส่งรายชื่อลูกค้าที่ซื้อรถราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไปราว 3,000 ราย เพื่อดูข้อมูลว่าตรงกันหรือไม่

ขณะที่สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ออกมาระบุว่า ได้เปิดเว็บไซต์ www.tisi.go.th เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าไปตรวจสอบรายรุ่นรถยนต์ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์หรือจักรยานยนต์กับผู้นำเข้าอิสระ ว่าผ่านการทดสอบกับ สมอ.เรียบร้อยหรือยัง ป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลัง เพราะหากพบว่ารถดังกล่าวผิดกฎหมายมีการยื่นฟ้องร้องต่อศาล รถยนต์คันดังกล่าวมีโอกาสถูกยึด แหล่งข่าวจากสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่เปิดเผยว่า เรื่องนี้กระทบต่อภาวะการขายเยอะมาก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีลูกค้าโทรศัพท์สอบถามตลอดและหลายรายชะลอการซื้อรถออกไป โดยปกติผู้ประกอบการทุกรายจะส่งรายงานการซื้อขายให้กับหน่วยงานรัฐ เพื่อใช้ในการคำนวณภาษีธุรกิจทุกวันที่ 15 ของเดือนอยู่แล้ว ประเด็นนี้ไม่มีความจำเป็นต้องออกมาแถลงข่าวใหญ่โต สร้างความแตกตื่นให้กับคนซื้อรถ

ส่วนประเด็นรถที่ยังไม่ผ่านการตรวจสอบจาก สมอ.นั้น กฎหมายเปิดช่องให้สามารถนำรถไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยส่งรถให้ สมอ.ตรวจสอบ ซึ่งประเด็นนี้ สมอ.ทราบดีว่าตัวเองไม่มีความพร้อม ตรวจรถช้ามาก แต่กลับแจ้งให้คนซื้อรถเช็กคำขอ หรือบริษัทที่ได้รับอนุญาตก่อนซื้อ ยิ่งทำให้ลูกค้าสับสนและไม่กล้าซื้อรถ ทั้ง ๆ ที่รถรุ่นนั้นเป็นรถที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง "ทั้งสองกรณีนี้ออกมาพร้อม ๆ กัน ทำให้ผู้ประกอบการเกือบทุกรายได้รับผลกระทบอย่างหนัก ลูกค้าที่เป็นข้าราชการไม่มีใครอยากถูกตรวจสอบ ส่วนรุ่นรถที่ไม่ได้อยู่บนเว็บไซต์ สมอ. ลูกค้าก็เกรงว่าขณะที่ใช้รถอาจถูกจับกุม เรื่องนี้มีผู้ประกอบการบางรายมองว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลัง โดยเฉพาะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการอาจมีส่วนรู้เห็น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าจะเข้าข่ายกีดกันทางการค้า"

นายอภิชาติ สมรพิทักษ์กุล นายกสมาคมผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ใหม่ กล่าวยอมรับว่า 2 ประเด็นนี้กระทบภาวะการขายแน่นอน ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์ใหม่เดือดร้อนหนักเพราะต้องตรวจสอบมาตรฐานก่อนขายทุกคัน ในขณะที่ออโทไรซ์ดีลเลอร์ในประเทศไทยได้รับยกเว้นหรือผ่อนผัน ทั้ง ๆ ที่รถยนต์ที่ผู้นำเข้าอิสระกับผู้แทนจำหน่ายนั้น สั่งนำเข้ารถยนต์มาจากแหล่งผลิตหรือโรงงานเดียวกันจากต่างประเทศ นอกจากนี้ สมอ.ยังเพิ่มค่าธรรมเนียมตรวจรถ เครื่องยนต์ดีเซล 46,000 บาท จากเดิม 19,000 บาท และเครื่องยนต์เบนซิน 78,000 บาท จากเดิม 49,000 บาท

"ตอนนี้รถนำเข้าจากยุโรปหรือประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ผ่านมาตรฐานยูโร 6 ซึ่งสูงมาก ขณะที่ประเทศไทยใช้มาตรฐานยูโร 4 หรือ 5 เท่านั้น และการตรวจของ สมอ.และสถาบันยานยนต์ยังล้าหลัง รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อก็ไม่มีเครื่องมือตรวจสอบ" ทางสมาคมได้ประเมินผลกระทบ รวมทั้งผลจากที่ออโทไรซ์ดีลเลอร์ขายรถในราคาต่ำลงมาก ทำให้ยอดขายของผู้ประกอบการรถนำเข้าหายไปกว่าครึ่ง สูญรายได้กว่า 16,000 ล้านบาท ถ้ามาเจอปัญหากรณีสรรพากรอีกก็น่าจะรุนแรงมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการขนส่งทางบกได้แจ้งข้อมูลถึงสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) ว่าในปีนี้มีรถยนต์นำเข้าจากผู้นำเข้าอิสระ ขอจดทะเบียน 5,000 คัน แต่เนื่องจากความล่าช้าในการขั้นตอนการตรวจสอบขณะนี้มีรถที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้าอย่างถูกต้องจาก สมอ.เพียง 40% สำหรับการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระที่ฝ่าฝืนกฎหมายจะมีโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านนายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร ให้สัมภาษณ์กับ "ประชาชาติธุรกิจ" ก่อนถูกคำสั่งโยกย้ายว่า การเข้าไปตรวจสอบการเสียภาษีของกลุ่มผู้ประกอบการนำเข้ารถยนต์อิสระหรือเกรย์มาร์เก็ตนั้น ทางกรมยืนยันว่าเป็นการดำเนินงานตามภารกิจปกติ ไม่ได้รับนโยบายหรือคำสั่งใดเป็นพิเศษในช่วงนี้ โดยเป็นไปตามกระบวนการที่มีดีลเลอร์รถยนต์บางยี่ห้อร้องเรียนมา และเรื่องค้างอยู่ที่สำนักตรวจสอบภาษีกลางของกรมสรรพากร ซึ่งทางกรมต้องการสอบทานดูว่า ผู้ซื้อเสียภาษีอย่างถูกต้องหรือไม่ "งานนี้เราเอาจริง การสอบผู้ซื้อก็เป็นการสอบทาน เราทำเป็นปกติเหมือนสมัยก่อนที่ตรวจบ้านจัดสรร ซึ่งจะออกหนังสือไปถึงผู้นำเข้าอิสระทั้งหมดประมาณ 300 ราย เพราะเขามีบัญชีลูกค้าทั้งหมดอยู่ ซึ่งมีรวมแล้วประมาณ 3,000 ราย ทั้งนี้มั่นใจว่าทำแล้วต้องได้เม็ดเงินภาษีเพิ่ม"

ทั้งนี้ นายสุทธิชัยยืนยันว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นนโยบายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกรมสรรพากร เพื่อให้เกิดการสะท้อนรายได้ที่แท้จริงของผู้ประกอบการ นโยบายการเก็บภาษีต้องเป็นธรรม และคนรวยก็ต้องเสียภาษีให้ถูกต้อง ซึ่งได้พูดเรื่องนี้มาตลอด เช่นเดียวกับการเข้าไปตรวจสอบผู้ที่ซื้อบ้านราคาแพง ตั้งแต่ 40 ล้านบาทขึ้นไป ก็เพื่อสอบทานเชื่อมโยงไปถึงการเสียภาษีนิติบุคคลที่อาจจะเสียภาษีไม่ตรงข้อเท็จจริง หรือบางรายอาจจะมีการฟอกเงินก็ได้