ผลการศึกษาวิจัยดัชนีด้านบริการงานขายในประเทศไทยประจำปี 2557 โดยเจ.ดี.พาวเวอร์เอเชียแปซิฟิก (J.D. Power Asia Pacific 2014 Thailand Sales Satisfaction Index (SSI) StudySM) เปิดเผยในวันนี้ว่า ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยลดลง ผู้ซื้อรถใหม่มีความต้องการเจรจาซื้อขายที่สะดวกราบรื่น และทำการเปรียบเทียบข้อเสนอจากผู้จำหน่ายหลายแห่ง เพื่อให้ได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด
ปีนี้นับเป็นปีที่ 15 ของการศึกษาวิจัยโดยศึกษาจาก 7 ปัจจัยที่มีผลต่อความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้าจากประสบการณ์การซื้อรถยนต์คันใหม่ (เรียงลำดับตามความสำคัญ) ได้แก่ขั้นตอนในการส่งมอบรถ, พนักงานขาย, สิ่งอำนวยความสะดวกของผู้จำหน่าย, การเริ่มต้นการขาย, การจัดเตรียมเอกสาร, ระยะเวลาในการส่งมอบรถและการเจรจาตกลงผลการปฏิบัติงานขายถูกประเมินในรูปแบบค่าดัชนีจากการให้คะแนนโดยมีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนนคะแนนที่สูงกว่าแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจที่มากกว่าของลูกค้าที่มีต่อบริการงานขายสำหรับรถยนต์คันใหม่และขั้นตอนในการส่งมอบรถการศึกษาวิจัยในปี 2557ทำการสำรวจความพึงพอใจด้านบริการงานขายแยกเฉพาะกลุ่มรถยนต์แบรนด์ยอดนิยม
คะแนนความพึงพอใจโดยรวมของตลาดรถยนต์แบรนด์ยอดนิยมในปี 2557เฉลี่ยอยู่ที่ 899 คะแนน ลดลงจากปี 2556 ซึ่งอยู่ที่ 904 คะแนน คะแนนความพึงพอใจที่ลดลงเป็นผลมาจากปัจจัยด้านการเจรจาตกลงที่ลดลง 11 คะแนน,การเริ่มต้นการขาย (ลดลง 10 คะแนน) และการจัดเตรียมเอกสาร (ลดลง 9 คะแนน)
“หลังสิ้นสุดโครงการของรัฐบาลก่อน ด้วยการคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรก ความต้องการรถยนต์คันใหม่โดยรวมหดตัวลงถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2556”โลอิค เปอ็อง ผู้จัดการอาวุโสของ เจ.ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก กล่าว“สถานการณ์นี้ไม่เพียงรุนแรงขึ้นในการแข่งขันระหว่างค่ายผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้นแต่ยังเป็นการเปิดศึกช่วงชิงลูกค้าระหว่างผู้จำหน่ายจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์เดียวกันอีกด้วยลูกค้าที่ทราบถึงข้อได้เปรียบนี้ใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองเรียกร้องให้ได้โปรโมชั่นที่มากกว่าเดิมรวมทั้งให้เพิ่มราคากับรถคันเก่าที่ตนนำมาแลกเปลี่ยน ส่งผลให้ลูกค้าบางรายยอมเดินทางในระยะทางที่ไกลกว่า เพื่อซื้อรถจากผู้จำหน่ายที่ให้ข้อตกลงในการซื้อที่ดีกว่าและวางแผนที่จะไม่เข้ารับบริการตรวจเช็คตามระยะจากผู้จำหน่ายที่ซื้อรถอีกด้วย”