จำนวนผู้เข้าชม : 278 ครั้ง
End Page
 
 
ขนส่งชง 10 โรคหารือแพทย์ห้ามทำใบขับขี่

ขนส่งฯ ถกแพทยสภา 8 ก.ย.นี้ แก้กฎหมายเพิ่ม 10 โรคห้ามทำขับขี่ ตั้งแต่เบาหวาน ลมชัก โรคหัวใจ ตา หูตึง โรคจิต พาร์กินสัน คาดสรุป 1-2 เดือน ก่อนเร่งประกาศใช้

นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 กันยายนนี้ กรมการขนส่งทางบกจะประชุมร่วมกับตัวแทนแพทยสภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จะทำใบขับขี่ โดยจะเพิ่มกลุ่มภาวะเสี่ยงต่อการขับรถอีก 10 อาการ จากกฎหมายเดิมที่กำหนดอาการต้องห้ามในการขับขี่รถยนต์เพียง 5 ประเภท คือ ต้องไม่เป็นโรคติดต่อเป็นที่รังเกียจ เช่น โรคเท้าช้าง โรคเรื้อน ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต ไม่ติดสุรา ยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งถือว่ายังไม่ครอบคลุมอาการบางประเภทที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับรถ

สำหรับ 10 กลุ่มเสี่ยงที่เพิ่มเติม ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงในระบบประสาทและสมอง เช่น โรคลมชัก กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน กลุ่มเสี่ยงอาการวูบหมดสติ กลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มเสี่ยงด้านการมองเห็น เช่น ลานปราสาทตามองเห็นด้านตรง แต่มองไม่เห็นด้านข้าง กลุ่มเสี่ยงปราสาทการได้ยิน เช่น หูหนวก หูตึง กลุ่มเสี่ยงการเคลื่อนไหวผิดปกติ เช่น โรคพาร์กินสัน กลุ่มเสี่ยงปัญหาทางจิตผิดปกติ ความเสี่ยงนอนหลับผิดปกติ ซึ่งเสี่ยงอาจให้เกิดโรคหลับใน และกลุ่มเสี่ยงจากใช้ยาประเภทต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดการกดประสาท ง่วงซึม ดังนั้นต่อไปผู้สอบใบขับขี่จะต้องตรวจสุขภาพและได้รับใบรับรองแพทย์ 10 อาการ ก่อนมาทำใบขับขี่ทุกครั้ง

นายอัฌษไธค์กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องปรับปรุงคุณสมบัติเพิ่มเติม เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันใช้มานานถึง 35 ปีแล้ว ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ประกอบกับทุกวันนี้ วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าไปมาก สามารถวินิจฉัยอาการเสี่ยงของโรคภัยต่างๆ ได้แม่นยำขึ้น รวมถึงมีข่าวเกิดอุบัติเหตุจากอาการป่วยของคนขับมากขึ้น จึงเห็นควรให้เพิ่มเติมคุณสมบัติของผู้ขอใบขับขี่ใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากตัวผู้ขับ

การประชุมร่วมในวันจันทร์ นายอัฌษไธค์ว่า กรมการขนส่งทางบกและแพทยสภาจะหารือถึงรายละเอียดระดับความรุนแรงในแต่ละอาการ หลังจากแพทยสภาได้ให้ 10 ราชวิทยาลัยแพทย์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาวะความเสี่ยงในโรคนั้นๆ ไปศึกษาระดับความรุนแรงของอาการมาแล้ว โดยคาดว่าจะหาข้อสรุปทั้งหมดภายใน 1-2 เดือน หลังจากนั้นจะเสนอเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทางกฎหมายว่าจะออกเป็นกฎหมายประเภทใด เช่น หากเป็นประกาศกรมจะใช้เวลาเพียง 15 วัน แต่ถ้าเป็นกฎกระทรวงจะใช้เวลา 3 เดือน ขณะเดียวกันทางแพทยสภาจะเร่งอบรมแพทย์ทั่วประเทศให้รับทราบถึงแนวทางการตรวจสุขภาพ และออกใบรับรองแพทย์สำหรับการทำใบขับขี่ใหม่ด้วย

"ยืนยันว่าคนที่เป็นโรคหรือมีความเสี่ยงใน 10 อาการเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องถูกห้ามขับรถ หรือห้ามทำใบขับขี่ทั้งหมด เพราะในแต่ละคนก็มีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน จึงต้องมีการตรวจอย่างละเอียดว่าแต่ละคนมีอาการรุนแรงขนาดไหน เช่น โรคเบาหวานหากเป็นเล็กน้อยก็ยังขับรถได้ แต่ถ้ารุนแรงมากก็ต้องห้ามขับรถ"

ส่วนการตรวจสุขภาพและขอใบรับรองแพทย์ก่อนทำใบขับขี่ กรมจะนำระบบการรับรองตัวเองมาใช้เหมือนกับต่างประเทศ โดยมีการทำแบบฟอร์มในการออกใบรับรองแพทย์แบบใหม่ เพื่อให้ผู้ตรวจสุขภาพกรอกว่าเคยมีความเสี่ยงใน 10 อาการใดบ้าง หากเป็นถึงจะให้ตรวจระดับอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ารุนแรงถึงระดับต้องห้ามหรือไม่ เพราะโรคบางโรคตรวจพบไม่ได้ทันที หรือหากผู้ป่วยไม่บอกแพทย์ก็ตรวจไม่พบ แต่หากตรวจพบภายหลังว่ามีการให้ข้อมูลเป็นเท็จจนเกิดอุบัติเหตุ กรมจะมีบทลงโทษย้อนหลังอย่างรุนแรงตามมา.



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสารรถ Weekly  
 ผู้บันทึก : กองบรรณาธิการ
date : [ 10 ก.ย. 2557 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc