กล่าวกันว่า เพราะปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเกินขีดความสามารถของถนนที่จะรองรับได้ จึงทำให้ผู้ขับขี่ส่วนหนึ่งถูกความเห็นแก่ตัวครอบงำ ยอมฝ่าฝืนกฎจราจรหรือกฎหมาย เพียงเพื่อเดินทางถึงที่หมายของตนเองเท่านั้น
ด้วยสาเหตุนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จึงต้องงัดมาตรการกวดขันวินัยจราจร รวมถึงมาตรการทางกฎหมายอื่นๆมาบังคับใช้ เพื่อหวังให้คนเหล่านี้กลับมาอยู่ในกรอบของระเบียบวินัยเหมือนคนอื่นๆในสังคม โดยในเขตกรุงเทพมหานครนั้น แต่ละปีพบว่าจำนวนใบสั่งเพิ่มขึ้นทุกปี ยกเว้นช่วงเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ จำนวนใบสั่งลดลง เพราะกำลังตำรวจจราจรส่วนหนึ่งต้องไปช่วยภารกิจดูแลความสงบเรียบร้อย การกวดขันวินัยจราจรอาจทำได้ไม่เต็มที่
ทั้งนี้จากข้อมูลของกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ปี 2557 ระบุว่า ตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ย. มีการออกใบสั่งให้กับผู้กระทำความผิดแบบพบตัวไป 1,268,140ใบ และเป็นการออกโดยไม่พบตัวผู้กระทำผิด หรือใบสั่งแปะ 250,492 ใบ ทั้งนี้การออกใบสั่งโดยเฉลี่ยประมาณ 130,000 ใบ/เดือนโดยคาดว่าจำนวนใบสั่งที่ออกให้ทั้งหมดปี 2557 จะอยู่ที่ 1,800,000ใบ
ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการออกใบสั่ง ปี 2556พบว่าจำนวนการออกใบสั่งอยู่ที่ประมาณ 1,600,000 ใบ โดยแยกเป็น การออกใบสั่งแบบพบตัวผู้กระทำความผิดจำนวน 1,319,859 ใบ และออกโดยไม่พบตัวผู้กระทำความผิด หรือใบสั่งแปะจำนวน 286,735ใบ
สำหรับข้อหาที่ผู้ขับขี่กระทำความผิดมากที่สุด 5 อันดับ ประจำปี 2557 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ต.ค. ได้แก่ 1.จอดรถในที่ห้าม 186,938ราย 2.ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 48,846 ราย 3.ไม่สวมหมวกนิรภัย34,710 ราย 4.เมาแล้วขับ 30,078 ราย 5.ขับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจร 24,902 ราย เปรียบเทียบกับปี 2556 พบว่าข้อหาที่ผู้ขับขี่กระทำความผิดเรียงลำดับคล้ายคลึงกับปี 2556 ต่างกันที่จำนวนผู้กระทำความผิดมีน้อยกว่าเท่านั้น
เหตุผลที่สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมายจราจร ปี 2557 เพิ่มขึ้นจากปี 2556 เนื่องจากมีการเพิ่มความเข้มในการตรวจจับผู้กระทำความผิดผ่านมาตรการต่างๆมากขึ้น เริ่มตั้งแต่มาตรการ 5 จริง ได้แก่ ยกจริง ล็อกจริง จับจริง ขังจริง และสุภาพจริง ตามด้วยมาตรการ 5 จอม ได้แก่ จอมปาด จอมล้ำ จอมขวาง จอมย้อน จอมปลอม และต่อมาได้เพิ่มอีก 1 จอม คือ จอมแชต จากการกวดขันจับกุมอย่างจริงจังดังกล่าว ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการยกจริง ล็อกจริง เพราะเป็นการคืนผิวจราจรให้กับผู้ใช้ทาง ส่งผลให้การจราจรมีความลื่นไหลคล่องตัวมากขึ้น.
