ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ออกแนวรถตรวจการณ์รุ่นใหม่ล่าสุดในไทย ฮอนด้า เอชอาร์-วี (Honda HR-V 2015) ครอสโอเวอร์ สปอร์ต พรีเมียม ถือเป็นรถยนต์กลุ่มใหม่แตกไลน์จากซีอาร์-วี เล็กลงกว่าเดิม
ภายนอกจัดวางเส้นสะท้อนความสปอร์ต ด้านหน้าไฟหน้าและไฟเดย์ไลต์แบบ LED ปรับความสูง เปิดปิดอัตโนมัติ ด้านล่างติดตั้งไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ด้านหลังติดตั้งไฟท้ายแบบทิวบ์ (Tube) ด้านบนติดตั้งหลังคา พานอรามิก ซันรูฟ (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ คลุมพื้นที่เบาะนั่งทั้ง 2 ฝั่ง สปอยเลอร์ขนาดเล็กพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ยาว 4,294 มิลลิเมตร กว้าง 1,772 มิลลิเมตร สูง 1,602 มิลลิเมตร และฐานล้อกว้าง 2,610 มิลลิเมตร
ภายใน เน้นความหรูหราและความสะดวกสบายตามสไตล์ฮอนด้า ภายในกว้าง เบาะนั่งหนังสบาย ตัวเบาะพับได้ 3 แบบ ได้แก่ ยูทิลิตี้โหมด (Utility Mode) พับเบาะหลังให้เรียบไปกับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ทอลล์โหมด (Tall Mode) ยกส่วนเบาะนั่งขึ้นเพื่อให้ขนของที่มีความสูงมากกว่าเดิมได้ และลองโหมด (Long Mode) พับเบาะด้านหลังและเบาะคนนั่งด้านหน้า สำหรับเก็บของยาวพิเศษได้
มีมาตรวัดวงกลมคล้ายกับภาพ 3 มิติ พร้อมจอแสดงผลแบบ LCD ล้อมกรอบเรืองแสง 7 สี ระบบอินโฟเทนเมนต์พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อของสมาร์ทโฟนและคำสั่งเสียงจาก SIRI ในระบบไอโอเอส พร้อมช่องต่อ USB และ HDMI พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมแพดเดิลชิฟต์ (Paddle Shift) รองรับการควบคุมเครื่องเสียง รับโทรศัพท์ เรียกดูข้อมูลการขับขี่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติสั่งการด้วยระบบสัมผัส และเบรกมือแบบไฟฟ้าบริเวณคันเกียร์ เครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC ขนาด 1800 ซีซี ให้กำลัง 141 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับการใช้น้ำมัน E85 ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้งหมด 4 ล้อ หยุดได้มั่นใจกว่า
อารมณ์การขับคงไม่ใช่รถยนต์อารมณ์รุนแรง แต่จะออกแนวสะดวกสบาย สไตล์รถหรู การใช้งานในเมืองค่อนข้างคล่องตัว ระบบความปลอดภัยจัดเต็ม ทั้งระบบเบรกและหยุดชั่วคราวออโตเบรกโฮลด์ (Auto Brake Hold) รถจะหยุดเมื่อมีการเหยียบเบรกเป็นเวลานาน แม้จะถอนเท้าออกแล้วก็ยังไม่เคลื่อนตัวออกไป ถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง ระบบเบรก ABS และ EBD ระบบช่วยการทรงตัว VSA ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัยไฟฟ้า MA-EPS ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางชัน HSA ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ CRUISE CONTROL ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉิน กล้องมองหลังปรับได้ 3 ระดับ และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
มีสีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวมุก ไวต์ออร์คิด (White Orchid) สีเงินเมทัลลิก อลาบาสต้าซิลเวอร์ (Alabasta Silver) สีดำมุก คริสตัลแบล๊ก (Crystal Black) สีเทา หรือดำตะกั่ว รูสแบล๊ก (Ruse Black) และสีน้ำเงินมุก มอร์โฟบลู (Morpho Blue) ส่วนรุ่นย่อยมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่รุ่น S ราคา 890,000 บาท รุ่น E ราคา 975,000 บาท และรุ่น EL ราคา 1,045,000 บาท
รุ่น S เครื่องยนต์เบนซิน i-VTEC ขนาด 1800 ซีซี ให้กำลัง 141 แรงม้า แรงบิด 172 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับการใช้น้ำมัน E85 ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ไฟท้าย LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ภายในสีดำ เบาะผ้าและวัสดุหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยควบคุมเครื่องเสียง มาตรวัดเรืองแสงปรับสีได้ 7 สี วิทยุพร้อมหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth และ USB ลำโพง 4 ตำแหน่ง ระบบความปลอดภัย VSA, ABS, EBD, HSA, ESS, Auto Brake Hold และเบรกมือไฟฟ้า ถุงลมนิรภัย 2ตำแหน่ง
รุ่น E - ไฟหน้าพร้อมเดย์ไลต์แบบ LED เปิดปิดอัตโนมัติและไฟตัดหมอก เบาะนั่งหนังสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังพร้อมแพดเดิลชิฟต์ และปุ่มควบคุมความเร็ว ครุยส์คอนโทรล (CRUISE CONTROL) อินโฟเทนเมนต์พร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับคำสั่งเสียงของ SIRI และการเชื่อมต่อ HDMI ลำโพง 6 ตำแหน่ง กล้องมองหลัง 3 ระดับ
รุ่น EL หลังคา พานอรามิก ซันรูฟ ไฟท้าย LED แบบทิวบ์ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายสปอร์ต ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบโครเมียมและเปียโนแบล๊ก มาตรวัดเรืองแสงปรับสีได้พร้อมจอแสดงข้อมูล MID ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้าและหลังแบบ LED ปุ่มควบคุมหน้าจอการขับขี่บนพวงมาลัย ถือว่าเป็นการเริ่มต้นเปิดรถเซ็กเมนต์ใหม่ของฮอนด้าได้ไม่เลวทั้งในแง่สมรรถนะและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และความสะดวกสบาย ถือว่าทำได้สมมาตรฐานฮอนด้า ส่วนราคาว่ากันไปตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน