จำนวนผู้เข้าชม : 255 ครั้ง
End Page
 
 
บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ขนทัพนวัตกรรมยานยนต์ล่าสุด ชูเทคโนโลยี iPerformanceและ M Performance มุ่งสู่งานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 38

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมระดับพรีเมียมพร้อมฉลองการคว้ารางวัล “Car & Bike of the Year 2017” ยอดเยี่ยมแห่งปี สูงสุดถึง 15 รางวัล สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ด้วยการยกทัพรถยนต์รุ่นล่าสุดพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษจากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ มุ่งหน้าสู่งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนลมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 38ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2560 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานีนำโดย บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Dark Silver Edition บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellenceพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellenceบีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sportโฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxuryโฉมใหม่ บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ บีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport บีเอ็มดับเบิลยู320d GT 




มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘พุ่งทะยานสู่โลกแห่งเทคโนโลยียานยนต์’โดยมุ่งผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์เดินหน้าสู่มิติใหม่ด้วยนวัตกรรมต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีระดับพรีเมียมที่จะเชื่อมต่อทุกมิติของการใช้ชีวิตอย่างไม่หยุดยั้งในปีนี้แนวคิดรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้กลายเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะผสานเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ากับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M Performanceซึ่งก็คือ บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence นอกจากนี้ เรายังพร้อมนำเสนอบีเอ็มดับเบิลยู740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นที่ 4 รวมถึงรถยนต์รุ่นหลักอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 พร้อมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 โฉมใหม่  บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3

แกรนทัวริสโม โฉมใหม่และรถยนต์ในตระกูล M Performance อีกหลากหลายรุ่นนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมียมของบีเอ็มดับเบิลยู”




“นอกจากแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำแล้ว เรายังพร้อมที่จะนำเสนอทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยู (BMW Product Genius) เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าด้วยประสบการณ์และความรู้ด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ โดยทีมดังกล่าวจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดของเราให้แก่ลูกค้าในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบ หรือการส่งมอบรถยนต์ และยังสามารถให้บริการตอบคำถามต่างๆ และให้ความช่วยเหลือทางโทรศัพท์ในข้อซักถามต่างๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บีเอ็มดับเบิลยู รวมถึงการให้ข้อมูลล่าสุดทางด้านบริการอีกด้วย นอกจากนี้ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากบีเอ็มดับเบิลยูยังเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี

เป็นอย่างดีจึงพร้อมไปด้วยเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัย เช่น แอพพลิเคชันบน iPad เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่านโดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะแต่งกายในเครื่องแบบของ BMW Product Genius และพร้อมมอบประสบการณ์และความประทับใจให้แก่ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูทุกท่าน”




ในปีนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำยนตรกรรมและเทคโนโลยีระดับพรีเมียม ด้วยการรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี(Car of the Year)  สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูมินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดสูงสุดถึง 15 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 218i Active Tourer M Sportบีเอ็มดับเบิลยู 320d GT Sport  บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยูi8 บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sportบีเอ็มดับเบิลยู 740Li บีเอ็มดับเบิลยู730Ld M Sport บีเอ็มดับเบิลยู 420i Gran Coupe Sport บีเอ็มดับเบิลยู X4 xDrive20d M Sport  มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวอร์ทิเบิล มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ มินิ คูเปอร์ เอสดี 5 ประตู Seven Edition บีเอ็มดับเบิลยูS 1000 RR บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR และ บีเอ็มดับเบิลยู R nineTทั้งนี้ ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อันเป็นผลมาจากนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์

บีเอ็มดับเบิลยูi8 Protonic Dark Silver Edition

ราคา11,899,000บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูi8 Protonic Dark Silver Edition เป็นรถยนต์สปอร์ต4ที่นั่ง (2+2) รุ่นพิเศษที่ผลิตในช่วงเวลาที่จำกัดโดดเด่นด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่ทำจากวัสดุCFRP (carbon-fibre-reinforced plastic) และระบบส่งกำลังไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูeDriveมาพร้อมดีไซน์เรียบหรูดุดันด้วยตัวถังสีเงิน Dark Silverพร้อมเสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยล้ออัลลอยน้ำหนักเบาแบบW-spoke 470สีเทาOrbit Grey metallic ขนาดต่างกันในล้อหน้าและล้อหลังส่วนดีไซน์ภายในสวยงามไม่แพ้กันด้วยวัสดุที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์คุณภาพสูงและเซรามิกให้ความรู้สึกสมกับเป็นรถสปอร์ตอย่างแท้จริง

ระบบส่งกำลังแห่งอนาคตบีเอ็มดับเบิลยูeDriveของบีเอ็มดับเบิลยูi8ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน3สูบเทคโนโลยีบีเอ็มดับเบิลยูTwinPower Turbo ที่ส่งกำลัง170กิโลวัตต์ / 231แรงม้าพร้อมแรงบิด320นิวตันเมตรและมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลัง96กิโลวัตต์ / 131แรงม้าพร้อมแรงบิด250นิวตันเมตรนอกจากนี้ระบบส่งกำลังบีเอ็มดับเบิลยูeDriveยังใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังไฟสูงและระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะเพื่อส่งกำลังรวม266กิโลวัตต์ / 362แรงม้าได้อย่างเต็มสมรรถนะและประหยัดพลังงานสูงสุด

เมื่อใช้โหมดการขับขี่โดยใช้ไฟฟ้าโดยไม่มีการปล่อยไอเสียเลยบีเอ็มดับเบิลยูi8สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุด120กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นระยะทางถึง37กิโลเมตรและสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง2-3ชั่วโมงโดยสามารถเลือกชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไปหรืออุปกรณ์บีเอ็มดับเบิลยูไอวอลล์บ็อกซ์เพียว (BMW iWallbox Pure) นอกจากนี้บีเอ็มดับเบิลยูi8ผสานพลังเพื่อสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่โดดเด่นเหนือใครพร้อมตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทางสามารถเร่งความเร็วจาก0ถึง100กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง4.4วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมดสปอร์ตทั้งยังมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อยไอเสียที่เหนือชั้นกว่ารถสปอร์ตทุกรุ่นในตลาดด้วยอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่47.6กิโลเมตรต่อลิตรและอัตราการปล่อยก๊าซCO2เพียง49กรัมต่อกิโลเมตร

บีเอ็มดับเบิลยูi8 เป็นรถที่โดดเด่นเหนือใครด้านประสิทธิภาพความประหยัดและสมรรถนะบนท้องถนนและได้รับรางวัลในหลากหลายสาขาไม่ว่าจะเป็นรางวัลInternational Engine of the Year สำหรับเครื่องยนต์TwinPower Turbo 3 สูบและระบบส่งกำลังไฮบริดทั้งยังได้รับการโหวตให้คว้ารางวัลยอดเยี่ยมWorld Green Car of the Year และGreen Luxury Car พร้อมด้วยรางวัลPaul Pietsch Award จาก“auto motor und sport” นิตยสารยานยนต์ของประเทศเยอรมนีในฐานะรถยนต์ที่มีนวัตกรรมยานยนต์โดดเด่นที่สุด

 

 

 

บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrivePure Excellenceพร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด

ราคา6,699,000 บาท(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

โดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี BMW eDriveในบีเอ็มดับเบิลยูตระกูล iนำมาสู่บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrivePure Excellence พร้อมโครงสร้าง Carbon Core และแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง ผสานด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ BMW TwinPower Turbo ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า ให้สุนทรียะแห่งการขับขี่เหนือระดับ และความหรูหราสะดวกสบาย

ในการขับขี่ระยะไกล นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrivePure Excellence ใหม่ ยังสามารถนำเทคโนโลยี Efficient Dynamics มารวมเข้ากับยนตรกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดารถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยกัน

บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrivePure Excellence ให้กำลังสูงสุดที่ 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMWTwinPower นับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุด ระบบการขับขี่ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาที โดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 240กิโลวัตต์/326 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร

 

ยิ่งไปกว่านั้น มอเตอร์ไฟฟ้ายังรับหน้าที่ส่งพลังด้วยการสำรองพลังงานขณะแตะเบรก หรือด้วยการเพิ่มค่าภาระเครื่องยนต์ตามระบบไฮบริดที่เลือกใช้ จากนั้นจึงดึงพลังเข้าสู่แบตเตอรี่แรงดันสูง และเมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrivePure Excellence จะสามารถขับในระยะทางสูงสุดได้ถึง 41 กิโลเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic อย่างสมบูรณ์ เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก

 

ด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrivePure Excellence สามารถเร่งเครื่องได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 45.5 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ระหว่าง 13.9 - 13.2 กิโลวัตต์ ต่อ 100 กิโลเมตร

 

บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDriveModel V12 Excellence

ราคา 12,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

บีเอ็มดับเบิลยู M760Li xDrive Model V12 Excellence เปิดตัวขุมพลังใหม่ล่าสุด M Performance TwinPower Turbo พร้อมเครื่องยนต์ 12 สูบ เครื่องยนต์ V12 ภายใต้ตราประทับ M Performance มีปริมาตรกระบอกสูบขนาด

6.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 448 กิโลวัตต์ / 610 แรงม้า  ที่ 5,500 ถึง 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 1,550 ถึง 5,000 รอบต่อนาที (อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงรวมอยู่ที่ 8.2 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 รวมที่ 291 กรัมต่อกิโลเมตร)

 

ด้วยเทคโนโลยีM Performance TwinPower Turbo อันเหนือชั้นบีเอ็มดับเบิลยูM760Li xDrive Model V12 Excellence สามารถให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายในเวลาเพียง 3.7 วินาทีพร้อมให้ความเร็วสูงสุดจากพลังงานไฟฟ้าที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถ่ายโอนพลังงานผ่านระบบเกียร์ 8 สปีดSteptronic Sport ซึ่งถูกปรับแต่งตามคุณลักษณะของเครื่องยนต์V12 โดยเฉพาะ

 

ระบบกันสะเทือนนวัตกรรมExecutive Drive Pro คือบัตรผ่านของความปราดเปรียวอันเฉียบคมและความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือกว่าระบบการรักษาเสถียรภาพรถแบบActive roll ช่วยลดการสะเทือนของตัวรถให้น้อยที่สุดผสมผสานกับสมรรถนะจากยางรถยนต์ด้วยล้ออัลลอยพิเศษน้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้วเพื่อสร้างความคล่องแคล่วในการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในคลาสรถยนต์เดียวกันให้กับบีเอ็มดับเบิลยูM760Li xDrive ModelV12 Excellence โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการขับขี่แม้แต่น้อยภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้บริเวณพวงมาลัย และตัวอักษร V12 ที่จะปรากฎขึ้นบนหน้าปัดรถเมื่อผู้ขับขี่สตาร์ทเครื่องยนต์ ขอบประตูรถตกแต่งด้วยโลโก้ V12 เรืองแสง สร้างความตื่นตาตื่นใจพร้อมความรื่นรมย์ในการขับขี่ที่จะเกิดขึ้น โดยโลโก้ V12 ยังอวดโฉมอยู่บนคอนโซลและหน้าจอ Touch Command Panel บริเวณที่วางแขนของห้องผู้โดยสารด้านหลัง

 

 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซีดาน โฉมใหม่: บีเอ็มดับเบิลยู 530i และบีเอ็มดับเบิลยู 520d

ราคาบีเอ็มดับเบิลยู 530i M Sport 4,399,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

ราคาบีเอ็มดับเบิลยู 520d Luxury 3,899,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

นอกจากน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อนถึง 100 กิโลกรัมแล้วตัวถังของบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ซีดานโฉมใหม่ยังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลและมีแรงเสียดทานอากาศต่ำที่สุดในรถระดับเดียวกันจึงทำให้ผสมผสานการขับขี่ที่คล่องตัวเข้ากับความนุ่มสบายสำหรับผู้โดยสารได้อย่างลงตัว

 

บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ซีดานโฉมใหม่มาพร้อมกับปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะพร้อมระบบสัมผัสiDrive โทรศัพท์ ระบบความบันเทิงและระบบการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลความละเอียดสูงโดยรองรับการควบคุมผ่านทางiDrive Controller สั่งงานด้วยเสียงหรือท่าทางหรือสัมผัสที่หน้าจอโดยตรง

 

ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้าLED ที่เป็นเอกลักษณ์และได้รับการออกแบบมาเพื่อบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5

ซีดานโฉมใหม่โดยเฉพาะโดยมีระบบปรับการกระจายแสงให้เหมาะสมกับเส้นทางที่ขับขี่ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มแสงสว่างในมุมอับขณะเข้าโค้งหรือระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติในระยะไกลสุด 500 เมตร

 

ภายในห้องโดยสาร มีการเพิ่มพื้นที่เก็บของและพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสาร นอกจากนี้ เทคโนโลยี SYNTAK (Special Synergy Thermoacoustic Capsule) ยังช่วยเสริมการเก็บเสียงของห้องโดยสารเพื่อความผ่อนคลายสูงสุดของผู้โดยสาร

 

ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินบีเอ็มดับเบิลยู530i ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์4 สูบขนาด2.0 ลิตรพร้อมมอบกำลังสูงสุด185 กิโลวัตต์/252 แรงม้าพร้อมแรงบิด350 นิวตันเมตรมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่17.5 กิโลเมตรต่อลิตรและมีอัตราการปล่อยCO2 ที่129 กรัมต่อกิโลเมตรลดลงจากรุ่นก่อน11 เปอร์เซ็นต์สามารถเร่งความเร็วจาก0 ถึง100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง6.2 วินาทีเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

ส่วนรุ่นดีเซลอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู 520dขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์/ 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร และมีอัตราการปล่อย CO2 ที่ 132 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.5 วินาที และเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ

ราคา2,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance มาพร้อมกับขุมพลังระดับ 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาทีที่ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 27 กิโลเมตรต่อลิตรพร้อมอัตราการปล่อยCO2 เพียง 99 กรัมต่อกิโลเมตรระบบเกียร์ 8 สปีดSteptronic ใหม่มีส่วนช่วยลดอัตราการปล่อยก๊าซCO2 ด้วยประสิทธิภาพอัตราการทดเกียร์ที่กว้างขึ้นและตัวแปลงแรงบิดที่สูญเสียกำลังน้อยลงในขณะเปลี่ยนเกียร์ช่วยลดการปล่อยก๊าซCO2 ลงได้ราว 3 เปอร์เซ็นต์พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติSteptronic Sport 8 สปีดและก้านเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย

 

บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance รุ่นประกอบในประเทศ โดดเด่นและเฉียบคมยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M กับ front splitter สีดำด้าน กันชนหน้าและหลังติดสติ๊กเกอร์ Giugiaro สร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ต ยังมาพร้อมกับกระจังหน้าไตสีดำเงาและฝาครอบรอบกระจกข้างแบบคาร์บอน ช่องระบายอากาศด้านหลังและสปอยเลอร์หลังมาในสีดำด้าน พร้อมกรอบประตูสีดำด้านที่ติดตราประทับ 'M Performance' ขณะที่ฉายแสงLED ด้วยโลโก้บีเอ็มดับเบิลยูบริเวณประตูสร้างประสบการณ์อันเหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่ก่อนเข้าสู่ตัวรถ

 

ด้วยชุดกันชนหน้าที่มีช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ เน้นย้ำถึงความกว้างของตัวรถ เช่นเดียวกับชุดกันชนหลังและไฟท้าย LED ที่ช่วยเสริมมาดความสปอร์ตของตัวรถ พร้อมไฟหน้าและไฟตัดหมอก LED เพื่อทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น

กุญแจอันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูมาในระบบ comfort access system ที่สามารถสั่งการอย่างง่ายดายได้ด้วยสัญญาณทางไกล พร้อมเซ็นเซอร์น้ำฝนที่สร้างทัศนวิสัยอันปลอดโปร่งในทุกเวลา บีเอ็มดับเบิลยู 320d M Performance ยังมีระบบ cruise control ช่วยให้ผู้ขับขี่กำหนดความเร็วสูงสุดและสร้างความสะดวกสบายสำหรับการเดินทางไกลได้อย่างไร้กังวลขณะที่กระจกมองหลังด้านในและกระจกข้างฝั่งคนขับยังช่วยป้องกันดวงตาของผู้ขับขี่ไม่ให้พร่ามัวด้วยฟังก์ชันป้องกันแสงจากไฟรถ

 




บีเอ็มดับเบิลยู320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู320d GT Luxury โฉมใหม่

ราคา 2,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์3 แกรนทัวริสโม โฉมใหม่ ผสมผสานยนตรกรรมหรูหราแบบซีดานเข้ากับความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตอย่างแท้จริง และยังคงประสิทธิภาพเอนกประสงค์ของรถยนต์ในแนวทัวริ่งไว้อย่างครบถ้วน โดยมาพร้อมประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่สูงสุดจาก BMW EfficientDynamics เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ TwinPower Turboนอกจากนี้ ยังมีเกียร์อัตโนมัติ ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อจอด ระบบชาร์จไฟอัตโนมัติขณะเบรก และการขับขี่ในโหมด ECO PROทำให้มีกำลังแรงมากขึ้นและมีการสูญเสียพลังงานขณะเปลี่ยนเกียร์น้อยลง ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองพลังงานและอัตราการปล่อย CO2 ลดลงถึง 3 เปอร์เซ็นต์ สร้างมาตรฐานใหม่เรื่องความประหยัดและอัตราการปล่อยของเสีย

 

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์3 แกรนทัวริสโม มีขนาดความยาว4,824 มิลลิเมตรยาวกว่ารถยนต์ตระกูลซีรีส์ 3 รุ่นอื่นๆถึง 200 มิลลิเมตร และยังมาพร้อมการออกแบบภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ด้วยไฟหน้า LED ที่เน้นความสปอร์ตและมาพร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูง ไฟตัดหมอก LED ส่วนท้ายรถ ประกอบด้วยไฟท้าย และเส้นลายดีไซน์ที่มีความเฉียบคม ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ความสปอร์ตที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้น

ห้องโดยสารภายในได้รับการดีไซน์ให้มีความหรูหรามากยิ่งขึ้น ด้วยรายละเอียดและวัสดุตกแต่งต่างๆ เช่น การใช้สี การตกแต่งด้วยลายไม้ และหนัง พื้นที่ในห้องโดยสารได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้เหมาะสมกับทุกรูปแบบการเดินทาง เพื่อมอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เบาะที่นั่งทุกตำแหน่งถูกออกแบบให้อยู่ในตำแหน่งสูงขึ้น 59 มิลลิเมตร ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ดูกว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ พื้นที่ที่กว้างขวางยังเป็นหัวใจสำคัญของ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์3 แกรนทัวริสโม ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น 110 มิลลิเมตรเป็น 2,920 มิลลิเมตร ทำให้ที่นั่งด้านหลังกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารสามท่าน ส่วนกระโปรงรถด้านหลัง มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 520 – 1,600 ลิตร สามารถรองรับทุกการใช้งาน

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์3 แกรนทัวริสโม มีให้เลือกสองรุ่นสองสไตล์ด้วยกัน ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู320d GT Sport และ บีเอ็มดับเบิลยู320d GT Luxury โดยมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ได้แก่ ระบบควบคุมสภาพอากาศ ระบบสตาร์ทรถยนต์โดยไม่ใช้กุญแจ พวงมาลัยระบบเซอร์โวโทรนิก ถุงลมนิรภัย หน้าจอความละเอียดสูง พร้อมระบบ iDrive ใหม่ล่าสุดที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้โดยไม่เสียสมาธิจากการขับขี่

บนถนน รวมถึงช่องเสียบ USB และรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และพวงมาลัยหนังแบบมัลติฟังก์ชัน









ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : รถweekly  
 ผู้บันทึก :
date : [ 29 มี.ค 2560 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc