ปลดปล่อยพันธนาการเพื่อทำลายสถิติ
กฎข้อบังคับทางเทคนิคที่ได้รับการกำหนดขึ้นโดย FIA สำหรับการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ WEC และ Le Mans ทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีที่ติในแง่มุมของการช่วยให้เกิดการแข่งขันที่สูสีระหว่างรถแข่งต้นแบบใน class 1 Le Mans hybrid prototypes ซึ่งทีมโรงงานที่เข้าร่วมประกอบด้วยอาวดี้ (Audi), ปอร์เช่ (Porsche) และโตโยต้า (Toyota) อย่างไรก็ตามยังคงมีหนึ่งคำถามที่ยังค้างคาใจ – รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid) จะสามารถแสดงศักยภาพออกมาได้มากแค่ไหน หากปราศจากกฎข้อบังคับที่คอยควบคุมมันเอาไว้ – จนกระทั่งบัดนี้ คำตอบได้ปรากฎขึ้นแล้ว
Stephen Mitas หัวหน้าทีมวิศวกร LMP1 ในฐานะผู้นำของโครงการ เขาได้ให้ความเห็นไว้ว่า “สำหรับพวกเรา มันคือความใฝ่ฝันในเชิงวิศวกรรมที่กลายเป็นความจริง” นายช่างชาวออสเตรเลียยังกล่าวสบทบต่อไปอีกว่า “การได้เข้า ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา ปรับปรุง และส่งรถลงแข่งขันตลอดระยะเวลา 4 ปี ทำให้ทีมงานทุกชีวิตมีความสัมพันธ์ ที่สนิทแนบแน่นกับรถแข่งคันนี้มาก เราทุกคนต่างรู้ดีว่าทุกๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ 919 ไฮบริด (919 Hybrid) นั้น ไม่เคยมาจากศักยภาพสูงสุดของมันเลยแม้แต่ครั้งเดียว ในความเป็นจริงแม้แต่เวอร์ชั่น อีโว (Evo) ก็ยังไม่ได้ปลดปล่อย ความสามารถออกมาจนถึงขีดสุดของเทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะหลุดพ้นจากกฎเกณฑ์และข้อ จำกัดต่างๆ รถคันนี้จะทำหน้าที่เติมเต็มความมุ่งมั่นทุ่มเท สร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยม เพียงพอที่จะทุบทำลายสถิติ ของรถแข่ง Formula One ได้”
สำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อทำลายสถิติความเร็วในครั้งนี้ ใช้พื้นฐานจากตัวรถที่คว้าแชมป์โลกในฤดูกาล 2017 ปรับแต่ง เพิ่มเติมด้วยแนวทางการพัฒนาที่จัดเตรียมไว้เพื่อรถที่จะลงแข่งขันในรายการ WEC ในปี 2018 แต่ยังไม่เคยลงแข่งขัน เพราะถอนตัวจากรายการเมื่อปลายปี 2017 นอกเหนือจากนี้คืออุปกรณ์เพิ่มเติมด้านอากาศพลศาสตร์ที่ผลิตขึ้นใหม่
ทางด้านชิ้นส่วนภายในระบบส่งกำลังและเครื่องยนต์ของรถแข่ง ‘ปอร์เช่ 919 ไฮบริด อีโว (Porsche 919 Hybrid Evo)’ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
รถแข่ง 919 ได้รับการติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ V4 ขนาดกะทัดรัด ด้วยความจุกระบอกสูบเพียง 2.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จและระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับที่แตกต่างกัน 2 รูปแบบ กล่าวคือพลังงานย้อนกลับ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากระบบเบรกคู่หน้าและอีกส่วนหนึ่งได้จากระบบระบายไอเสีย เครื่องยนต์สันดาปภายในรับหน้าที่ขับ เคลื่อนล้อคู่หลังในขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังขับเคลื่อนให้แก่ล้อคู่หน้า นั่นหมายความว่า รถแข่งคันนี้เร่งออกตัวด้วย ระบบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ four-wheel drive พลังงานที่เกิดขึ้นพร้อม กับการปล่อยไอเสียและพลังงาน ไฟฟ้าที่เกิดขึ้น จากระบบเบรกคู่หน้า จะถูกเก็บสะสมเอาไว้ชั่วคราวในแบตเตอรี่ liquid-cooled lithium ion
กฎข้อบังคับในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบรายการ WEC จำกัดพลังงาน ที่ได้จากน้ำมันเชื้อเพลิงต่อการวิ่งรอบสนาม โดยการใช้ fuel flow meter ในการแข่งขันบนสนาม Spa ประจำฤดูกาล 2017 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของรถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid) มันสามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 1.784 กิโลกรัม หรือ 2.464 ลิตร เพื่อวิ่งรอบสนาม 1 รอบ โดยเครื่องยนต์สันดาปภายใน V4 เครื่องนี้สามารถสร้างพละกำลังได้สูงสุดกว่า 500 แรงม้า และเมื่อไม่มีข้อจำกัด ในการแข่งขัน หลังจากปรับเปลี่ยนโปรแกรมแต่ยังคงใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบเดิม (E20 ที่มีส่วนผสมของเอทานอล 20 เปอร์เซ็นต์) รถแข่งปอร์เช่ 919 ไฮบริด อีโว (Porsche 919 Hybrid Evo) ให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 720 แรงม้า
ปริมาณของพลังงานที่ได้จากระบบชาร์จย้อนกลับทั้ง 2 รูปแบบถูกใช้ในการวิ่งบนสนาม Spa ในฤดูกาล 2017 ที่ 6.37 เมกะจูล ซึ่งเป็นค่าพลังงานที่ต่ำกว่าศักยภาพสูงสุดของรถคันนี้มาก ในระหว่างการวิ่งเพื่อทำลายสถิติสนามของ Neel Jani สามารถรื่นรมย์กับพละกำลังเต็มที่จากพลังงานกว่า 8.49 เมกะจูลส์ หรือคิดเป็นแรงม้าที่ได้จากเครื่องจักรเพิ่มขึ้นจากเดิม ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ จาก 400 เป็น 440 แรงม้า
นอกจากนี้ ทีมงานวิศวกรยังได้ปลดปล่อยขีดความสามารถด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ 919 อีโว (919 Evo) ออกมาจนถึงขีดสุดเช่นเดียวกัน ดิฟฟิวเซอร์หน้าขนาดใหญ่ชุดใหม่ที่ให้ภาพลักษณ์ไปในทิศทางเดียวกันกับปีกหลังทรงสูง ตัวใหม่ อุปกรณ์ทั้งคู่ได้รับการควบคุมผ่านระบบ actively controlled drag reduction ทำงานอัตโนมัติด้วยไฮดรอลิก เพื่อปรับเปลี่ยนตำแหน่งองศาของดิฟฟิวเซอร์หน้าและการเปิดช่องรับอากาศบนปีกหลัง และในส่วนล่างของ อีโว (Evo) ได้รับการติดตั้งครีบและสเกิร์ตข้างทรงสูง ทั้งหมดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้านอากาศพลศาสตร์ เท่าที่จะสามารถทำได้ ผลลัพธ์คือแรงกดที่กระทำบนตัวรถเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 53 เปอร์เซ็นต์ และให้ประสิทธิภาพเพิ่ม ขึ้นมากกว่า 66 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันรายการ 2017 Spa WEC รอบจัดอันดับ)
หลากหลายอุปกรณ์ที่ได้รับการเพิ่มเติมเพื่อเสริมสมรรถนะตัวรถให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 919 อีโว (919 Evo) ยกระดับระบบเบรกด้วย four-wheel brake-by-wire system ผสานการทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพ yaw control ยิ่งไปกว่านั้น ระบบบังคับเลี้ยวและชุดปีกนกของระบบช่วงล่างทั้งด้านหน้าและด้านหลังยังได้รับการปรับเปลี่ยน ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม สามารถรองรับสภาวะการใช้งานที่หนักหน่วงยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี
หากเปรียบเทียบกับรถที่ใช้ในการแข่งขันตามปกติ น้ำหนักรถที่ยังไม่รวมของเหลวได้รับการปรับให้ลดลงจากเดิมถึง 39 กิโลกรัม เหลือเพียง 849 กิโลกรัม ตัวเลขอันน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นจากความพยายามในการลดจำนวนชิ้นส่วนอุปกรณ์ ที่ไม่มีความจำเป็นลงให้น้อยที่สุด หลงเหลือไว้สำหรับการวิ่งอย่างเต็มกำลังเพื่อทำเวลาต่อรอบให้เร็วที่สุดเพียงรอบสนาม เดียวเท่านั้น: ระบบปรับอากาศ ใบปัดน้ำฝน เซนเซอร์ในหลายตำแหน่ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้สำหรับการแข่งขัน ระบบไฟส่องสว่างและระบบแม่แรงลมสำหรับยกรถถูกถอดออกไปจนหมด
ทางด้านของมิชลิน (Michelin) ในฐานะบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญและทำงานใกล้ชิดกับปอร์เช่ มาอย่างยาวนาน ให้ความสนใจอย่างมากในการมีส่วนร่วมลงมือปรับปรุงรถแข่ง ปอร์เช่ที่ได้รับการพัฒนาจนกระทั่ง สามารถสร้างแรงกดตัวถังได้มากกว่ารถแข่ง Formula One ด้วยจุดมุ่งหมายในการรักษาขนาดของยางให้คงเดิม (31/71-18) สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนของยางให้มากขึ้น มิชลิน (Michelin) รับหน้าที่ในการ ปรับปรุงส่วน ผสมของเนื้อยางให้มีแรงยึดเกาะสูงสุดโดยมีความปลอดภัยสูงสุดเช่นกัน
The ‘919 Tribute Tour’ การเดินทางเพื่อสั่งลาอย่างสมศักดิ์ศรี
สถิติความเร็วสูงสุดรอบสนาม Spa เป็นเพียงปรากฎการณ์แรกของทริปอำลา the 919 Tribute Tour กิจกรรมสุดเร้าใจที่จะตามมาในอันดับต่อไปคือการวิ่งโชว์รอบสนามแข่งระดับตำนาน Nordschleife เพื่อเป็นการโหมโรงอย่างยิ่งใหญ่ก่อนการแข่งขันรายการ Nürburgring 24 ชั่วโมง จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ตามมาด้วยการเข้าร่วมเทศกาลแห่งความเร็วอันมีชื่อเสียง Goodwood Festival of Speed (วันที่ 12 ถึง 15 กรกฎาคม) และพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงกับนิทรรศการ Festival of Porsche ซึ่งจัดขึ้นที่ Brands Hatch (วันที่ 2 กันยายน) ปิดท้ายอย่างสวยงามด้วยการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานรวมพลยนตรกรรมปอร์เช่ครั้งสำคัญ the Porsche Rennsport Reunion จัดขึ้นที่สนาม Laguna Seca แคลิฟอร์เนีย (วันที่ 26 ถึง 29 กันยายน)
รถแข่งปอร์เช่919 ไฮบริด อีโว (Porsche 919 Hybrid Evo) - (ข้อมูลในวงเล็บสำหรับรุ่น 919 Hybrid WEC)
ข้อมูลทางเทคนิค
โครงสร้างตัวถัง Monocoque: โครงสร้างผลิตจากวัสดุผสมระหว่าง carbon fibre และ aluminium honeycomb core พื้นที่ห้องโดยสารได้รับการปิดผนึกอย่างแข็งแกร่ง
เครื่องยนต์สันดาปภายใน: เครื่องยนต์ V4 (กระบอกสูบวางตัวในแนว 90 องศา) ติดตั้งระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จของ Garrett 4 วาล์วต่อสูบ DOHC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ direct petrol injection แบริ่งเพลาข้อเหวี่ยงแบบ fully load aluminium ระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์แบบ dry sump
รอบการทำงานสูงสุด: ≈ 9,000 รอบต่อนาที
ระบบควบคุมเครื่องยนต์: Bosch MS5
ความจุกระบอกสูบ: 2,000 ซีซี ( 4 สูบ V4)
กำลังสูงสุด: เครื่องยนต์สันดาปภายใน: 720 แรงม้าที่เพลาหลัง (น้อยกว่า 500 แรงม้า)
มอเตอร์ไฟฟ้า MGU: 440 แรงม้าที่เพลาหน้า (มากกว่า 400 แรงม้า)
ระบบขับเคลื่อนไฮบริด: KERS พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า (MGU) ติดตั้งบริเวณเพลาคู่หน้า; ระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ ERS จากระบบระบายไอเสีย สะสมพลังงานด้วยแบตเตอรี่ liquid-cooled lithium-ion battery พร้อมเซลล์จากระบบ A123
ระบบขับเคลื่อน: ระบบขับเคลื่อนล้อหลังพร้อม traction control (ASR) ปรับเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ด้วยกำลังขับจากมอเตอร์ไฟฟ้าส่งไปยังล้อคู่หน้าในขณะที่ต้องการอัตราเร่งสูงสุด ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ sequential 7 จังหวะ เพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ
ระบบช่วงล่าง: ระบบช่วงล่างอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช๊อคอัพปรับระดับได้พร้อมระบบ Pitch Link และระบบ actively controlled lockout system (สำหรับ 919 WEC ไม่ได้รับการติดตั้งระบบ actively controlled lockout system)
ระบบเบรก: ระบบเบรกไร้สาย 4-wheel brake-by-wire system (ระบบเบรกไร้สาย front-rear brake-by-wire system) คาลิเปอร์เบรกอัลลอยด์ monoblock น้ำหนักเบา จานเบรก carbon fibre พร้อมครีบระบายความร้อนทั้งคู่หน้าและคู่หลัง ควบคุมแรงบิดโดยอิสระในแต่ละล้อเพื่อความสมดุลย์ (ควบคุมแรงบิดแยกระหว่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง)
ล้อและยาง: ล้อแมกนีเซียมแบบฟอร์จจาก BBS; ยางเรเดียลจาก มิชลิน (Michelin) ขนาด 310/710-18 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
น้ำหนักรถ: 849 กิโลกรัม (888 กิโลกรัม รวมชุด driver ballast)
ความยาว: 5,078 มิลลิเมตร (4,650 มิลลิเมตร)
ความกว้าง: 1,900 มิลลิเมตร
ความสูง: 1,050 มิลลิเมตร
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง: 62.3 ลิตร