ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่มีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐด้วยกัน เพราะการจัดโมโตจีพีนั้น ไม่ใช่ทางด้านกีฬาที่ได้รับผลประโยชน์อย่างเดียว แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นผลดีแก่ประเทศไทยในด้านต่างๆด้วย ทั้งเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ตรงตามยุทธศาสตร์ “สปอร์ตทัวริซึ่ม” ของรัฐบาล เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่องค์กรภาครัฐทุกภาคส่วน ให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โมโตจีพี ของ ประเทศไทย เพราะผลประโยชน์ที่กลับมาสู่ประเทศไทยนั้นมากมายจริงๆ
“การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกในประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้ชมเดินทางมาจากทั้งในและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่เดินทางโดยโครงข่ายทางบก ฉะนั้นกรมการขนส่งทางบกจึงเป็นหน่วยงานสำคัญมาก ที่ให้การสนับสนุนทั้งในเรื่องการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยของเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีโครงการความร่วมมือระหว่างกันในการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัย ซึ่งทาง กกท. ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ทางขนส่งทางบกเห็นความสำคัญ และให้ความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้”
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า “เราได้บูรณาการ เส้นทางการเดินทางทางบกให้มีความพร้อมมากที่สุดทั้งเส้นทางหลักของกรมทางหลวงที่จะขยายเส้นทาง เช่น สายบุรีรัมย์-นางรอง บูรณะผิวทางเดิม ซึ่งเดิมทีเป็นเส้นทางรองให้พร้อมรองรับการเดินทางของแฟนมอเตอร์สปอร์ตจำนวนมาก ปรับปรุงบริเวณคอขวดไหล่ทาง มีการติดตั้งป้ายบอกทางเพิ่มเติม เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัด ภายในจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก ยังได้เตรียมแผนการรองรับการแข่งขัน สำหรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่เดินทางระหว่างจังหวัด ด้วยการเพิ่มเที่ยวรถในช่วงการจัดงาน ในส่วนของ บขส. เส้นทาง กทม. สู่บุรีรัมย์ วันละไม่ต่ำกว่า 60 เที่ยว ต่อวัน เส้นทางนครราชสีมา – บุรีรัมย์ ไม่ต่ำกว่า 120 เที่ยวต่อวัน รถโดยสารประจำทางไม่ต่ำกว่า 10 เส้นทาง
ส่วนการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนที่จะเข้ามาชมการแข่งขันฯ ในจังหวัดบุรีรัมย์ มีการเตรียมรถ Shuttle Bus 4 เส้นทาง ได้แก่ ท่าอากาศยานบุรีรมย์ - สนามช้างอารีน่า , สถานีรถไฟบุรีรัมย์ – สนามช้างอารีน่า , สถานีขนส่งบุรีรัมย์ – สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และ อบจ.บุรีรัมย์ - สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และมีรถลูป 3 เส้นทาง ได้แก่ วงเวียน รัชกาลที่ 1 - สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต , เรือนจำ - แยกภัทร และ แยกภัทร - แยกกระสัง ซึ่งเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายและระบายคนทั้งขาเข้าขาออกจากสนามได้เป็นอย่างดี”
อธิบดีกรมขนส่งทางบกยังได้เปิดเผยเกี่ยวกับ แคมเปญรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยสำหรับงานโมโตจีพีในปีนี้ว่า “ปีที่ผ่านมามีผู้ชมจากทั่วโลกเดินทางมาชมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นผู้ใช้รถมอเตอร์ไซด์ โดยเฉพาะบิ๊กไบค์ เรานำกระเเสดังกล่าวมารณรงค์เพื่อให้เยาวชนเเละคนไทยทุกคน เล็งเห็นความปลอดภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยมีนักแข่งระดับโลกเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งทุกคนจะต้องสวมหมวกกันน็อค และมีอุปกรณ์ป้องกันอันตรายของตัวเองทุกครั้งเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็จะไม่เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมปลูกฝังให้คนไทยทุกคนให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน”
ในปีนี้กรมขนส่งทางบก ยังคงมีโครงการความร่วมมือส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน รณรงค์การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ปลอดภัยผ่านแข่งขันรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 อีกครั้ง กับแคมเปญ ”ความเร็วใช้ในสนามแข่งเท่านั้น” โดยมีภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ ที่เปิดตัวครั้งแรกในวันนี้ และบูธกิจกรรมในวันงานที่ใหญ่ขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาและอัดแน่นกิจกรรมให้ความรู้ เพื่อเน้นย้ำกับกลุ่มเป้าหมายให้ใช้ความเร็วให้ถูกสถานที่ มีเกมส์การขับขี่แบบใช้ความเร็วในสนามแข่งและถนนจำลองเพื่อการขับขี่อย่างถูกกฎหมายบนท้องถนนอีกด้วย