จำนวนผู้เข้าชม : 191 ครั้ง
End Page
 
 
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว The new Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชันที่ 4 ก้าวแรกสู่โลกแห่งพรีเมี่ยมคอมแพ็คคาร์

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดตัว “The new Mercedes-Benz A-Class”     เจเนอเรชันที่ 4 ยนตรกรรมอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับยังก์เจเนอเรชัน ที่จะเข้ามาเติมเต็ม พอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ (Compact Car) ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบนำเสนอในรุ่น Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับรูปลักษณ์           ที่ดูสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวมากขึ้นด้วยดีไซน์ภายนอก และภายในที่ได้รับการออกแบบใหม่                 มีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด พร้อมให้สมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้นจากเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 1.3 ลิตร ที่มีอัตราการปล่อยไอเสียที่ต่ำ และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้าซึ่งถือเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรถยนต์ ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน พร้อมยกระดับความสะดวกสบายขณะขับขี่ด้วย เอ็มบียูเอ็กซ์(MBUX) หรือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยูสเซอร์ เอ็กซ์พีเรียนซ์(Mercedes-Benz User Experience) ระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งใน The new A-Class เป็นรุ่นแรกในกลุ่มรถยนต์คอมแพ็คคาร์Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic นำเสนอในราคา 2,490,000 บาท สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์         เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่งทั่วประเทศ หรือในงาน เมอร์เซเดส-เบนซ์        สตาร์เฟส ที่จะเคลื่อนคาราวานไปทั่วประเทศจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2562 นี้




มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า        “เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเสนอรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ครั้งแรกจากการเปิดตัว Mercedes-Benz    A-Class ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เมื่อปีพ.ศ. 2540 นับเป็นเวลากว่า 20 ปี ที่รถยนต์ตระกูล       A-Class ได้รับการพัฒนาสมรรถนะในด้านต่างๆ รวมถึงการปรับรูปแบบดีไซน์มาอย่างต่อเนื่อง  ทำให้รถยนต์ตระกูล A-Class ได้รับการตอบรับที่ดีจากสาวกดาวสามแฉกจากทั่วโลก ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”

“โดยในปีที่ผ่านมารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ถูกจำหน่ายทั่วโลกทุกๆ สี่คันจะเป็นรถยนต์           คอมแพ็คคาร์หนึ่งคัน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในตลาดพรีเมี่ยมคอมแพ็คคาร์ คือ การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น การปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์      ของรถยนต์ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในรถยนต์ ตลอดจนความสามารถในการสร้างสรรค์ยนตรกรรมในด้านสมรรถนะที่ดีเยี่ยม และมอบความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารได้อย่างเหนือระดับ”

“ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงมีความมุ่งมั่นในการสานต่อความสำเร็จของรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ The new Mercedes-Benz A-Class เจเนอเรชันที่ 4 ในรุ่น        Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic เจาะกลุ่มเป้าหมายยังก์เจเนอเรชัน เติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์กลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ปัจจุบันบริษัทฯ นำเสนอใน 5 รุ่นย่อยได้แก่ CLA 200 Urban,  CLA 250 AMG Dynamic (Night Edition), CLA 250 AMG Dynamic (WhiteArt Edition), GLA 200 Urban และ GLA 250 AMG Dynamic โดย Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ตเร้าใจทั้งดีไซน์ภายนอก และภายในที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ตระกูลเอ-คลาสอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูปราดเปรียว ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุด เครื่องยนต์ที่ทันสมัยมีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และมีระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ ชื่นชอบดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และให้ความสำคัญกับการสร้างบาลานซ์ให้กับการใช้ชีวิต”




มร. โรลันด์ กล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้รถยนต์ A-Class 4 ประตูนี้ ยังมาพร้อมกับระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดอย่าง MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย และสามารถจดจำลักษณะการใช้งานของผู้เป็นเจ้าของได้ โดยรถยนต์รุ่นนี้       ถือเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ที่ระบบ MBUX จะทำงานร่วมกับบริการ Mercedes me connect ทำให้การเชื่อมต่อระหว่าง ลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการบริการอื่นๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นไปอย่างสะดวกและง่ายดายมากขึ้น อีกทั้งยังมีความสามารถใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นการจากทำงานร่วมกันของสองระบบนี้อีกมากมาย เช่น การสั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะที่สามารถตรวจจับการสั่งการด้วยภาษาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ (Natural speech recognition) ทำให้ระบบเข้าใจภาษาอังกฤษในหลายสำเนียงได้ เพียงแค่พูด          คำว่า ‘Hey, Mercedes’ เพื่อเริ่มต้นการทำงาน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สมาธิกับการขับรถได้   มากขึ้นระหว่างการสั่งการระบบ เป็นต้น”

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic 

 

Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic มาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ (new design body language) เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการเติมความโฉบเฉี่ยวให้กับชีวิตในเมืองใหญ่ เพราะนอกจากจะเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรกในตลาดที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเพียง 1,332 ซีซี            แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า ซึ่งถือเป็นคอมแพ็คคาร์ที่มีกำลังแรงม้ามากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ความเร็ว 1,620 รอบ/นาที มีอัตราการปล่อยไอเสียต่ำเพียง 119-124 กรัม/กม. และยังมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.2 ลิตร/100 กม. อีกด้วย

 

ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic นั้น สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity ที่บริษัทฯ ยึดถือมาตลอด โดยจะเน้นความเรียบง่าย และให้ความสำคัญกับผิวสัมผัส แต่ในขณะเดียวกันก็มีความร้อนแรง และน่าดึงดูดใจ ด้วยโครงสร้างภายนอกแบบ AMG ที่โดดเด่นด้วยการตัดทอนเส้นสาย และช่องว่างให้มีน้อยที่สุด ถือเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ และความปราดเปรียวเร้าใจได้อย่างลงตัว ด้านหน้าของตัวรถดูมีความล้ำสมัยสอดรับกับช่วงกระโปรงหน้าที่ลาดตัวต่ำและทอดตัวยาวมี     ฝากระจังหน้าแบบ diamond radiator grille ที่ประกอบด้วยเส้นเดี่ยวแนวนอน และ               ตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์สอดรับกับเส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง ส่วนกระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสารพอดี นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่ และโคมไฟหน้าแบบ LED High Performance ที่มีความ    เพรียวบาง และกรอบเคลือบโครเมี่ยมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง

 

ดีไซน์ภายใน ภายในห้องโดยสารได้รับการปรับโฉมใหม่ให้ดูทันสมัย สไตล์สปอร์ตแบบ AMG  และกว้างขวางเพื่อประโยชน์ใช้สอยที่มากที่สุด โดยจะมีพื้นที่ว่างบริเวณช่วงไหล่ ข้อศอก              และเหนือศีรษะมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถยนต์ประเภทเดียวกัน รวมไปถึงการออกแบบห้องโดยสาร       ตอนหลังให้เข้าออกได้ง่าย ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีปริมาตร 420 ลิตร ช่องกระโปรงหลัง               มีขนาดกว้าง 950 มิลลิเมตร และมีระยะเส้นทแยงมุมจากตัวล็อกถึงขอบล่างของกระจกหลัง                ถึง 462 มิลลิเมตร ช่วยให้ใส่หรือนำสัมภาระที่มีขนาดใหญ่ออกได้อย่างสะดวก พวงมาลัยของรถยนต์รุ่นนี้ตกแต่งแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง nappa เพื่อเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่            เบาะที่นั่งหุ้มด้วยหนัง ARTICO / DINAMICA microfibre ทั้งหมด โดยเบาะที่นั่งด้านคนขับ        จะมาพร้อมหน่วยบันทึกความจำ อีกทั้งเบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 รูปลักษณ์ของแผงหน้าปัดมีความล้ำสมัยด้วยฝาครอบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลางอย่างไร้รอยต่อ เชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ          เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นำหน้าจอระบบสัมผัสมาใช้ในรถยนต์คอมแพ็คคาร์ โดยผู้ขับขี่สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ส่วนช่องลมของครื่อง ปรับอากาศนั้นได้รับการออกแบบโดยใช้กังหัน (turbine) เป็นต้นแบบ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ช่วยขับเน้นลักษณะสปอร์ตอีกอย่างหนึ่งของรถยนต์รุ่นนี้ นอกจากนั้นส่วนล่างของคอนโซลกลางยังได้รับ              การออกแบบให้มีลักษณะคล้ายปีกที่ดูแบนราบและไร้รอยต่อจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งของ           ห้องโดยสาร โดยมีระบบไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่มีให้เลือกถึง 64 สี มากกว่ารุ่นก่อนหน้า        ถึง 5 เท่า ที่ช่วยขับเน้นเอกลักษณ์นี้โดดเด่นยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถผสมสีสันต่างๆ เพิ่มเป็นสีพิเศษ        ได้อีก 10 สีสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

 

เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic เป็นรถยนต์            รุ่นที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จึงมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีในรถยนต์รุ่นก่อนหน้ามากมาย เช่น ระบบช่วยหยุดรถ (Active Brake Assist) ที่ได้รับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นโดยสามารถ ลดความเสียหายหรือป้องกันการพุ่งชนกับรถยนต์ข้างหน้าที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า กำลังชะลอ              หรือแม้แต่รถที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ และยังช่วยป้องกันไม่ให้รถเฉี่ยวชนกับผู้ที่ข้ามถนนหรือผู้ใช้จักรยานได้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในตระกูลคอมแพ็คคาร์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มาพร้อมกับระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง (Parking package with reversing camera) ที่จะช่วยให้การถอยจอดง่ายขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีที่เป็นไฮไลท์ของรถยนต์รุ่นใหม่นี้  คือบริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่จะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดอย่างระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience เป็นครั้งแรกสำหรับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น และความสะดวกสบายที่       มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ บริการ Mercedes me connect มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการ และฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน อาทิ

  • Mercedes-Benz emergency call system ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถชน เซ็นเซอร์         ของระบบนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
  • Vehicle Monitoring เจ้าของรถยนต์สามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ของรถยนต์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นของ Mercedes me connect ได้
  • Vehicle Set-up ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล โดยเซ็นเซอร์ที่      อยู่ในรถจะตรวจสอบสภาพของรถยนต์ในขณะนั้น และส่งเป็นข้อมูลผ่านแอปพลิเคชั่นฯให้ทั้งผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุงสามารถเปิดดูรายละเอียดข้อมูลสถานะต่างๆ ได้
  • Maintenance Management ระบบนี้จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ โดยจะตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
  • Remote Engine Start ฟังก์ชันที่ช่วยให้การใช้รถของคุณสะดวกสบายมากขึ้น             โดยคุณสามารถเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์มือถือ เพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศทำความเย็นล่วงหน้า หรือการสั่งเปิด หรือล็อกประตูรถจากระยะไกล เป็นต้น
  • Online Booking ฟังก์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการต่างๆ จาก                  เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว

สำหรับระบบ MBUX นั้น เป็นระบบมัลติมีเดียใหม่ล่าสุดที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาขึ้นเพื่อยกระดับความสะดวกสบายให้แก่ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รองรับการสั่งการผ่านจุดสำคัญ 2 จุด       คือ หน้าจอ Widescreen ระบบสัมผัส (หน้าจอส่วนอินโฟเทนเมนต์) และ Touchpad ที่อยู่          ตรงคอนโซลกลาง ระบบนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ที่สามารถจดจำความต้องการ          ของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งผลให้ MBUX เป็นระบบมัลติมีเดียที่สามารถปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนตามลักษณะ การใช้งานจริงของผู้เป็นเจ้าของรถได้ ซึ่งเป็นการสร้าง       ความผูกพันระหว่างผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และรถยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยระบบนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ

 

 

 

 

  • Navigation ระบบนำทางแบบใหม่ที่มาพร้อมกับ GPS ที่แม่นยำยิ่งขึ้น และแผนที่          ที่แสดงผลแบบสามมิติ (3D) ด้วยกราฟิกที่มีความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR   ในการนำทางโดยผู้ใช้สามารถหาจุดหมายที่ต้องการได้ด้วยการสัมผัสหน้าจอ นอกจากนั้นยังสามารถรายงานสภาพถนนและสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
  • Personal profiles ที่จะจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคนไว้ ทั้งลักษณะของการปรับเบาะ ที่นั่ง สีไฟในห้องโดยสารที่ชอบ สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ฯลฯ โดยระบบนี้สามารถจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่ได้ถึง 22 โปรไฟล์
  • Linguatronic ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (natural speech recognition) ระบบนี้สามารถรับรู้และเข้าใจเกือบทุกคำที่ปรากฏอยู่ในระบบอินโฟเทนเม้นท์ของรถยนต์ โดยผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”

 

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด
 (แรงม้า/รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(
วินาที)

ความเร็วสูงสุด (กม. / ชม.)

อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน (ลิตร/กม.)

Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic

เบนซิน 4 สูบ

เทอร์โบ

1,332

163 / 5,500

250 / 1,620

8.1

230

5.2 – 5.4 / 100

 

  • Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ราคา2,490,000 บาท




ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : รถweekly  
 ผู้บันทึก : รถweekly
date : [ 11 ก.ย. 2562 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc