มินิประเทศไทย เปิดตัว มินิ คูเปอร์ เอสอี รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจากมินิ เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
มินิ ประเทศไทย เริ่มต้นศักราชด้วยนิยามใหม่ของการขับขี่สไตล์มินิกับการเปิดตัว มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกจากมินิซึ่งได้เผยโฉมในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผสานดีไซน์โดดเด่นสะดุดตาไม่ซ้ำใคร และคุณภาพระดับพรีเมียมเข้าไว้ด้วยกันภายใต้เอกลักษณ์ความเป็นมินิได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รุ่นแรกจากมินินี้ นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการปฏิวัติการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด แต่ยังคงความสนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ทในตำนานพร้อมรูปโฉมที่เป็นเอกลักษณ์ของมินิ บุกเบิกไลฟ์สไตล์แบบใหม่แห่งการขับขี่ในตัวเมืองด้วยพลังงานสะอาดแก่แฟน ๆ ชาวไทยโดยมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ จะเปิดให้ลูกค้าพรีออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14:14 น. เป็นต้นไปทางเว็บไซต์ www.mini.co.thในจำนวนจำกัดเพียง 25 คันเท่านั้น
คุณปรีชา นินาทเกียรติกุล ผู้จัดการทั่วไป มินิ ประเทศไทยกล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้เปิดตัวมินิ คูเปอร์ เอสอี ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจากมินิที่บุกเบิกยนตรกรรมไฟฟ้าสำหรับการขับขี่ในตัวเมืองด้วยสไตล์ใหม่ที่มีความเฉพาะตัว โดยเมื่อ 60 ปีก่อนเราได้นำเสนอนิยามใหม่ของการใช้พื้นที่ในตัวรถอย่างสร้างสรรค์ เพื่อมอบความสนุกสนานในการขับขี่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพคเป็นครั้งแรกในวันนี้ ประสบการณ์ขับขี่จากมินิจะก้าวสู่อนาคตที่ทั้งยั่งยืนกว่า และยังคงไว้ซึ่งความน่าหลงใหลของการโลดแล่นบนท้องถนน เราจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่แฟน ๆ ชาวไทยจะได้สัมผัสปรากฎการณ์ครั้งใหม่จากมินิที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเดินหน้าสู่อนาคตที่สะอาดและปลอดมลพิษทั้งยังคงตอบสนองความเร้าใจในการขับขี่ที่แฟน ๆ ต่างคาดหวังจากมินิได้เช่นเคย”
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ สืบทอดตำนานความคลาสสิกตามแบบฉบับมินิ 3 ประตู แต่แทนที่เครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี ไร้การปล่อยมลพิษได้อย่างแท้จริง โดยระบบส่งกำลังและวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังระบบต่าง ๆ จะติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของรถในโครงสร้างรูปทรงท่อ ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาสำหรับมินิ คูเปอร์ เอสอีโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วยเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 12 โมดูล ติดตั้งในรูปทรงตัว T บริเวณใต้รถจุพลังงานไฟฟ้ารวม 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้าในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ ไม่เพียงมีขนาดเล็กกว่าเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป แต่ยังมีน้ำหนักเบากว่ามาก จึงทำให้กระจายน้ำหนักสู่เพลาได้อย่างสมมาตรยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อผสานกับจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำของมินิ คูเปอร์ เอสอี จึงทำให้มีความคล่องตัวควบคุมได้อย่างแม่นยำและง่ายดายยิ่งขึ้นแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงและยังมีประสิทธิภาพในการเกาะถนนมากขึ้นจากตำแหน่งที่ตั้งของแบตเตอรี่แรงดันสูงบริเวณใต้ท้องรถ ระหว่างเบาะนั่งด้านหน้าไปจนถึงบริเวณใต้เบาะหลังการติดตั้งแบตเตอรี่ที่ใต้ท้องรถเช่นนี้ทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอี มีพื้นที่ในการเก็บสัมภาระมากกว่ารุ่นอื่น ๆ และเพื่อเป็นการสร้างระยะห่างจากแบตเตอรี่ใต้ท้องรถและพื้นถนน มินิ คูเปอร์ เอสอีจึงได้รับการออกแบบให้สูงกว่ามินิรุ่นอื่น ๆ 18 มิลลิเมตร
ขุมพลังไฟฟ้าใน มินิ คูเปอร์ เอสอีเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ล่าสุดที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้พัฒนาขึ้น สามารถส่งพละกำลังสูงสุด135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า และด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จึงสามารถส่งแรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตรได้ทันทีที่เท้าแตะคันเร่งแม้จากรถหยุดนิ่ง ส่งความเร็วจาก 0 ถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.9 วินาที มอบความแรงเร้าใจใน 60 เมตรแรกได้เทียบชั้นรถสปอร์ต และสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.3 วินาที มินิ คูเปอร์ เอสอีทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในการวิ่งได้ระยะทางสูงสุดราว217 กิโลเมตร(ตามมาตรฐาน NEDC)
สมรรถนะสุดสปอร์ตของมินิ คูเปอร์ เอสอี ไม่เพียงโดดเด่นด้วยการตอบสนองที่เฉียบพลันบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังแตกต่างด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานโดยแทบจะไร้เสียง ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการติดตั้งระบบการจำลองเสียงเพื่อเตือนคนเดินถนน ซึ่งเป็นเสียงเฉพาะสำหรับรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี เท่านั้น โดยจำลองเสียงผ่านทางระบบลำโพงสำหรับขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ สร้างความสุนทรีย์ขณะขับขี่ในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมินิ
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยของมินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ยังเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยทุกชิ้นส่วนของระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะได้รับการปกป้องด้วยโครงสร้างที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ และจะหยุดการทำงานทั้งหมดทันทีหากได้เกิดการชน ในส่วนของวงจรอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ภายใต้กันชนและโครงสร้างมอเตอร์ที่เสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนแบตเตอรี่แรงดันสูงจะติดตั้งอยู่ภายในแผ่นรองฐานใต้ท้องรถทีออกแบบมาเพื่อป้องกันชิ้นส่วนแบตเตอรี่โดยเฉพาะ
ขับสนุกเร้าใจได้ด้วยพลังงานไฟฟ้า
เอกลักษณ์ความเร้าใจในสไตล์โกคาร์ทที่เป็นตำนานของมินิได้ก้าวสู่มิติใหม่แห่งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า มาพร้อมการควบคุมที่ปราดเปรียวและแม่นยำด้วยเทคโนโลยีช่วงล่างที่ได้รับการพัฒนาและตั้งค่ามาเพื่อมินิ คูเปอร์ เอสอีโดยเฉพาะ โดยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าของมินิ คูเปอร์ เอส อย่างน้อย 30 มิลลิเมตร ยกระดับประสิทธิภาพในการกระจายน้ำหนักและการเข้าโค้งให้เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์เดียวกัน นอกจากนี้ มินิ คูเปอร์ เอสอี ยังมาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่(DSC) ที่เสริมความสนุกสนานขณะโลดแล่นบนท้องถนนได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้นโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน
รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% จากมินิรุ่นแรกนี้ รองรับการตั้งค่าต่าง ๆ ตามสภาวะการขับขี่และรูปแบบการขับขี่ที่เฉพาะตัวของแต่ละบุคคล โดยมาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ ได้แก่ Sport, MID, GREEN, และ GREEN+ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มระยะทางในการขับขี่โดยการจำกัดหรือหยุดการทำงานของระบบอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่นระบบปรับอากาศหรือระบบอุ่นเบาะที่นั่ง เป็นต้น
อีกหนึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือการนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ (regenerative brake) ที่ทำให้รถชะลอความเร็วทันทีที่ผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่งจึงสามารถลดความเร็วรถได้ขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำโดยไม่ต้องแตะเบรก ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วได้โดยใช้เพียงคันเร่งเท่านั้น หรือที่เรียกว่าเป็นประสบการณ์ในการขับขี่แบบ one-pedal feelingโดยมินิ คูเปอร์ เอสอี ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ผู้ขับสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างการขับขี่แบบ one-pedal feeling หรือเลือกลดระดับการนำพลังงานจากเบรกกลับมาใช้ใหม่ เพื่อทำให้รถชะลอตัวนุ่มนวลยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินได้ไม่ต่างจากมินิรุ่นอื่น ๆ
ชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้อย่างสะดวกง่ายดาย
พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อนมินิ คูเปอร์ เอสอี สามารถชาร์จจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ ทั้งจากปลั๊กไฟในบ้านโดยตรง (อุปกรณ์มาตรฐานของตัวรถ)จากเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallboxและจากสถานีชาร์จสาธารณะ โดยสามารถรองรับหัวชาร์จทั้งAC และ DC แบบ Type 2 และหัวชาร์จ CCS Combo 2ซึ่งจะมีไฟบอกสถานะการชาร์จปรากฎอยู่เหนือเต้าเสียบใน 3 สถานะด้วยกัน ได้แก่ ไฟสีส้มขณะเริ่มชาร์จ ไฟกระพริบสีเหลืองระหว่างการชาร์จ และไฟสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม
แบตเตอรี่แรงดันสูงสามารถรองรับสายชาร์จทั้งแบบมาตรฐานและสายชาร์จจาก MINI ELECTRIC Wallboxที่รองรับกำลังไฟได้สูงสุด 11 กิโลวัตต์ ชาร์จถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 2.5 ชั่วโมง และชาร์จเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ภายใน 3.5 ชั่วโมงและหากชาร์จจากสถานีที่เป็นหัวชาร์จแบบ DC fast-chargingจะช่วยให้สำรองพลังงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งมินิ คูเปอร์ เอสอี ได้รับการออกแบบมาให้รองรับพลังงานในการชาร์จได้สูงสุด 50 กิโลวัตต์ ชาร์จได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเพียง 36 นาที
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จ MINI ELECTRIC Wallboxที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในโรงรถ และบริเวณที่จอดรถที่มีหลังคา หรือเลือกใช้บริการจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ ChargeNowซึ่งนับเป็นเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
โดดเด่นสะดุดตาด้วยเอกลักษณ์มินิทั้งภายนอกและภายใน
มินิ คูเปอร์ เอสอี ใหม่ มอบความรู้สึกเอ็กซ์คลูซีฟด้วยดีเอ็นเอมินิพันธุ์แท้ ภายในมาพร้อมเบาะผ้าสีดำ Carbon Blackลาย Double Stripe หัวเกียร์ในดีไซน์เฉพาะสำหรับรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอี ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซนแยกการระบายอากาศและการควบคุมอุณหภูมิระหว่างผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า รองรับการสั่งงานระยะไกลจากแอปพลิเคชั่น MINI Connectedในการตั้งเวลาออกเดินทางเพื่อเปิดระบบปรับอากาศล่วงหน้าได้ตามต้องการ
แผงหน้าปัดมาในดีไซน์เฉพาะรุ่นเช่นเดียวกัน โดดเด่นด้วยจอแสดงผลสีดิจิทัลขนาด 5.5 นิ้ว ในดีไซน์ Black Panel ด้านหลังพวงมาลัย โดยอัตราความเร็วในการขับขี่จะแสดงผลทั้งในแบบตัวเลขและแถบทรงกลมอยู่บริเวณกลางจอ ส่วนด้านข้างเป็นการแสดงข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลเกี่ยวกับระดับพลังงานของแบตเตอรี่แรงดันสูง โหมดการขับขี่ สถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และสัญญาณแสดงสถานะการทำงานของระบบต่าง ๆ รวมทั้งเวลาที่ใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่ โดยจะเปลี่ยนสีไฟตามสถานะการชาร์จ ได้แก่ สีส้มขณะเริ่มชาร์จสีเหลืองขณะกำลังชาร์จ และสีเขียวเมื่อชาร์จเต็ม โดยหากมีความผิดปกติใดๆในระหว่างการชาร์จ จะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยไฟสีแดงสำหรับจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วบริเวณแผงคอนโซล รองรับการแสดงผลจากบริการ MINI Connected ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เช่น จอ eDriveที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการใช้พลังงานและระยะทางที่วิ่งได้ รวมถึงทางเลือก ต่าง ๆ ในการเพิ่มระยะทางในการขับขี่
สัดส่วนต่าง ๆ ของตัวรถยังคงความคล่องตัวในสไตล์มินิ มาในโครงสร้าง 3 ส่วนเช่นมินิรุ่นอื่น ๆ ประกอบไปด้วยโครงสร้างตัวถัง หน้าต่างรอบด้านและหลังคารถ และการออกแบบให้ล้ออยู่ใกล้กับกันชน ซึ่งรวมถึงความกว้างของฐานล้อ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสื่อถึงดีเอ็นเอความเป็นมินิพันธุ์แท้ที่ทำให้มินิ คูเปอร์ เอสอีแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เส้นสายการออกแบบที่โดดเด่นและชัดเจนสะท้อนถึงเทคโนโลยีการขับขี่แห่งอนาคตที่ล้ำสมัย ส่วนฝาครอบที่ชาร์จไฟฟ้าอยู่เหนือล้อหลังด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับฝาถังน้ำมันของมินิ 3 ประตู บนฝาแสดงสัญลักษณ์MINI Electric เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันและการใช้พลังงานไฟฟ้าสัญลักษณ์นี้ยังปรากฎบริเวณกรอบไฟเลี้ยวด้านข้าง ประตูท้ายรถ และกระจังหน้า ซึ่งสะดุดตาด้วยแถบสีเหลืองรับกับฝาครอบกระจกข้างในสีเดียวกัน สร้าง ความโดดเด่นเฉพาะตัวให้แก่มินิ คูเปอร์ เอสอี ซึ่งมาพร้อมไฟหน้า LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ดีไซน์กระจังหน้าที่ปรากฎเฉพาะในมินิ คูเปอร์ เอสอี ใต้ท้องรถที่มีแผ่นปิดเกือบรอบคัน และกระโปรงท้ายรถในรูปลักษณ์สะดุดตา ล้วนมีส่วนช่วยลดแรงต้านของอากาศซึ่งเมื่อปราศจากท่อไอเสีย อากาศจึงสามารถไหลผ่านใต้ท้องรถไปยังท้ายรถได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ด้วย ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ลายMINI Electric Corona พร้อมยางรันแฟลตที่มีเป็นพิเศษเฉพาะในรุ่นมินิ คูเปอร์ เอสอีเท่านั้น
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : www.rodweekly.com
ผู้บันทึก :
รถweekly
date : [ 09 ก.พ. 2563 ]
|