จำนวนผู้เข้าชม : 88 ครั้ง
End Page
 
 
ยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ตคันล่าสุด สำหรับการแข่งขัน Porsche one-make cups แข็งแกร่งและรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกระดับแห่งความเร้าใจ: ปอร์เช่ 911 GT3 Cup รุ่นใหม่

สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่เผยโฉมเจเนอเรชันล่าสุดของรถแข่งที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก ปอร์เช่(911 จีที3 คัพ)พร้อมแล้วสำหรับการออกสตาร์ทประลองความเร็วในฤดูกาล 2021รถแข่งรุ่นนี้คือส่วนหนึ่งของแคมเปญพิเศษในรายการ Porsche Mobil 1 Supercup เช่นเดียวกับการแข่งขันระดับนานาชาติอย่าง Porsche Carrera Cups ซึ่งจัดขึ้นในประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส ทวีปเอเชีย เบเนลักซ์ และเป็นครั้งแรกในทวีปอเมริกาเหนือด้วยรูปทรงตัวถังที่ดุดันเร้าใจสไตล์รถเเข่งเเบบเต็มพิกัด พัฒนาต่อยอดจากพื้นฐานของรุ่น 992 ซึ่งนับเป็นรุ่นแรกที่ปอร์เช่ดัดแปลงให้เป็นรถแข่งด้วยตัวถังกว้างแบบ wide turbo-spec bodyพกพาพละกำลังสูงสุดประมาณ510แรงม้า(375 กิโลวัตต์)หรือแรงขึ้นอีกกว่า25 แรงม้า เมื่อเปรียบเทียบกับตัวแข่งรุ่นก่อนหน้า ยิ่งไปกว่านั้น รถแข่งจีที3 คัพ (GT3 Cup)รุ่นใหม่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบสังเคราะห์ ซึ่งให้ผลในการลดมลภาวะจากคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตามเงื่อนไขข้อจำกัดของการแข่งขันระยะเวลาต่อรอบที่รถแข่ง 911 คันนี้ทำได้นั้นมีแนวโน้มที่จะเร็วกว่าเดิมประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเส้นทางในแต่ละสนาม ตัวรถจะได้รับการส่งมอบถึงมือทีมแข่งต่างๆ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 เป็นต้นไป

ในอดีตปอร์เช่เคยนำเสนอรถแข่งสายพันธุ์ 911 Cup ครั้งแรกเมื่อปี 1990เป็นการนำเอาพื้นฐานโครงสร้างของรถปอร์เช่รหัสตัวถัง 964 มาพัฒนาต่อ และนำลงสนามอย่างเป็นทางการฤดูกาลแรกในรายการPorsche Carrera Cup ประเทศเยอรมนี ด้วยพละกำลัง 260 แรงม้าในขณะนั้นจนกระทั่งปี 1993รถแข่งดังกล่าวได้รับการบรรจุให้ลงสนามในรายการใหม่อย่าง Porsche Supercup ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการแข่งขัน Formula 1นับจากนั้นเป็นต้นมา ทายาทผู้สืบทอดเกียรติประวัติแห่งความสำเร็จสูงสุดในฐานะรถแข่ง ได้เปิดตัวต่อมาอีก 5 เจเนอเรชัน บันทึกสถิติรถแข่งที่มียอดการผลิตสูงสุดตลอดกาลจำนวนทั้งสิ้น4,251คัน





“ปอร์เช่ 911 สร้างประวัติศาสตร์จากการเป็นรถยนต์รุ่นพื้นฐานสำหรับใช้ในการแข่งขัน Carrera Cups และ Porsche Mobil 1 Supercup ไม่มีรถแข่งคันไหนที่สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ดีเยี่ยมเทียบเท่ากับ 911นับตั้งแต่ปี 1990” Michael Dreiser, ผู้อำนวยการฝ่ายขายของ Porsche Motorsportกล่าวว่า “รถแข่งปอร์เช่911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)รุ่นล่าสุด คือการเริ่มต้นตำนานบทใหม่ เป้าหมายของเราคือการบรรลุยอดการผลิตมากกว่า 5,000 คัน ในปี2021 เช่นเดียวกันกับรุ่นบรรพบุรุษของ911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)รถยนต์คันนี้ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยยกระดับฝีมือแก่นักแข่งดาวรุ่งมากความสามารถ ให้ก้าวขึ้นสู่เส้นทางความเป็นมืออาชีพในวงการมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างสง่างามรวมทั้งเป็นการรักษาพันธสัญญาที่ปอร์เช่ยึดมั่นในแนวทางการทำงานเพื่อตอบสนองแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วทุกมุมโล”

การสร้างรถแข่งรุ่นล่าสุด เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในปี 2018แผนการพัฒนาที่แน่นอนถูกกำหนดขึ้นในช่วงต้นปี 2019โดยมีJan Feldmann ผู้จัดการโครงการทำหน้าที่หัวเรือใหญ่ในการนำพาทีมให้บรรลุเป้าหมายหลัก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงด้านสมรรถนะ งานออกแบบที่เน้นความกร้าวแกร่งดุดัน การควบคุมที่ง่ายยิ่งขึ้นรวมทั้งความทนทานสูงสุดที่มาพร้อมกับ ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ลดลงผลลัพธ์ที่ออกมาปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัดจากความยอดเยี่ยมเหนือระดับของรถแข่งคันใหม่ ทำหน้าที่สานต่อความสำเร็จเช่นเดียวกับกับรถเเข่งรุ่นพี่ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นจากสายการผลิต จากโรงงาน Stuttgart-Zuffenhausenเคียงข้างกับปอร์เช่911 คันอื่น

“เราต้องการวางตำแหน่งของ911 จีที3 คัพ ใหม่ (The new 911 GT3 Cup) ให้เป็นรถแข่งที่ใกล้เคียงคำว่ามืออาชีพ พร้อมกับการเพิ่มความคุ้มค่าต่อเงินลงทุนสำหรับทีมแข่งที่นำไปลงสนาม” Feldmann อธิบายเพิ่มเติม “จนถึงจุดนี้เราถือว่าประสบความสำเร็จมาได้ในระดับหนึ่งต้องยกประโยชน์ให้รูปทรงภายนอกที่โดดเด่นน่าประทับใจระบบช่วงล่างที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และระบบไฟฟ้าอันชาญฉลาดการควบคุม911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)ที่สามารถรู้สึกได้ถึงความแม่นยำ และประสบการณ์ในการขับขี่ที่สนุกมากยิ่งขึ้นจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยม และห้องโดยสารที่ผ่านการปรับแต่งใหม่ 911จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)คือรถแข่งที่ดีที่สุดเท่าที่ปอร์เช่เคยสร้างขึ้นมา”

หนึ่งในอุปกรณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดของ911 จีที3 คัพ ใหม่ (The new 911 GT3 Cup) คือระบบอากาศพลศาสตร์ที่เหมาะสมและรูปทรงตัวถังภายนอกที่ให้ภาพลักษณ์กร้าวแกร่งดุดันทั้งหมดนี้สามารถสร้างความประทับใจได้เพียงแรกสายตาสัมผัส ต้องยกความดีให้เเก่ตัวถังกว้าง turbo-spec bodyและน้ำหนักเบา ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นครั้งเเรก ในรถแข่งมิติความกว้างรวม 1,902 มิลลิเมตร มากกว่าความกว้างช่วงตัวถังด้านหลังของรุ่นก่อนหน้าถึง 28 มิลลิเมตร และแตกต่างด้วยการเพิ่มช่องรับอากาศ cooling air inlets บริเวณด้านหน้าของซุ้มล้อ นอกจากนี้ ช่วงหน้าของรถสปอร์ต 911 ในรหัสตัวถังเจเนอเรชัน 992 ถูกปรับให้กว้างขึ้นอย่างชัดเจนจากโป่งล้อที่ขยายใหญ่ขึ้นรถแข่งปอร์เช่911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup) มีความกว้างของช่วงล้อหน้าถึง 1,920 มิลลิเมตร เปิดโอกาสให้สามารถติดตั้งล้อคู่หน้าขนาด 12นิ้ว และล้อคู่หลังขนาด 13นิ้ว ได้อย่างลงตัวโดยสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับรถแข่งในรุ่น GT ส่งผลดีต่อการขับขี่ และประสิทธิภาพของตัวรถ





ในขณะเดียวกัน รถแข่งเจเนอเรชันที่ 7 คันนี้ ได้รับการออกแบบให้มีระบบอากาศพลศาสตร์ที่ให้แรงกดมากยิ่งขึ้น ต้องยกประโยชน์ให้กับการผสมผสานการทำงานระหว่างสปอยเลอร์หลัง ร่วมกับปีกหลังและชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนผ่านการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับสปอยเลอร์หน้า รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆที่สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามสถานการณ์ปีกหลังทรงสูงที่สามารถปรับตั้งการทำงานได้ถึงสิบเอ็ดระดับจากจุดยึดแบบ‘swan neck’ มั่นใจได้ว่าการไหลของกระแสอากาศใต้ปีกจะไม่ถูกรบกวนอย่างแน่นอนทั้งหมดนี้คือประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาตร์ที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพในการควบคุมโดยเฉพาะการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงโครงสร้างตัวถังของรถแข่งเจเนอรชัน 991.2 รุ่นเก่า ประกอบด้วยเหล็กกล้า 70 เปอร์เซ็นต์ และอะลูมิเนียม 30 เปอร์เซ็นต์ อัตราส่วนดังกล่าวถูกสลับที่กันในรถแข่งคันใหม่ แท้จริงแล้วตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 35 กิโลกรัม โดยมีน้ำหนักไม่รวมของเหลวที่ 1,260 กิโลกรัม ส่วนที่เพิ่มขึ้นมีที่มาจากจุดยึดสตรัทเพื่อเสริมความแข็งแกร่งภายในพื้นที่นิรภัยหลังคาแบบถอดได้ในกรณีเกิดอุบัติเหตุตามมาตรฐานล่าสุดของ FIAหน้าต่างทุกบานที่ได้รับการติดตั้งในรถแข่ง GT3 Cup ผลิตจากวัสดุ polycarbonate น้ำหนักเบา มีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วน และแรงกระแทก ด้วยการเคลือบแข็ง ประตูรถ ฝากระโปรงท้ายและปีกหลัง ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)ในส่วนของฝากระโปรงหน้า รวมทั้งช่องระบายอากาศ และช่องรับอากาศเข้าห้องโดยสาร ยังคงใช้วัสดุพื้นฐานที่แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยภาพในการออกแบบตัวรถเดิมเช่นเดียวกับในปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า(Porsche 911 Carrera) ชิ้นส่วนดังกล่าวผลิตจากอะลูมิเนียม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าหากต้องซ่อมแซมในกรณีที่เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ

นักออกแบบพิจารณาถึงหลักสรีรศาสตร์ในการวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ โดยละเอียด เพื่อรองรับผู้ขับขี่เป็นพิเศษ นอกจากการปรับเลื่อนเข้าออกในแนวราบ เบาะracing seat ใหม่ยังสามารถปรับความสูงได้ถึง2 ระดับ เมื่อผสานกับคอพวงมาลัยที่ปรับระดับได้เช่นเดียวกัน ทำให้มั่นใจได้ว่าตำแหน่งที่นั่งจะเหมาะสมกับผู้ขับขี่ทุกคน แผ่นรองรับร่างกายที่มีหลายขนาดความหนา ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ได้อย่างไร้ข้อจำกัด ออกแบบหลังคารถใหม่ พวงมาลัยcarbon-fibre multifunction สำหรับการแข่งขัน ยกมาจากตัวแข่งรุ่นใหญ่911จีที3 อาร์ (911 GT3 R)ด้วยข้อมูลที่ได้จากนักแข่งจึงได้ทำการจัดเรียงตำแหน่งชุดสวิตซ์ควบคุมเรืองแสงใหม่ ปุ่ม Rubber Switch Panel (RSP) ขนาดใหญ่จำนวน10 ปุ่มในแนวด้านขวา ที่ชวนให้นึกถึงแผงควบคุมในรถแข่งปอร์เช่919 ไฮบริด (919 Hybrid)สะดวกต่อการใช้งานแม้ในระหว่างการแข่งขันออกเเบบเพื่อควบคุมฟังก์ชันหลัก อาทิ ระบบแสงสว่าง ระบบระบายอากาศ หรือการปรับตั้งค่าตัวรถเมื่อเปลี่ยนจากยางแห้งเป็นยางเปียก หนึ่งในตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดอันชาญฉลาดคือการปรับตั้ง brake balanceในรถแข่งรุ่นใหม่ ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย ผ่านสวิตซ์โรตารี่ด้านขวาสุดของปุ่ม RSP ทั้งนี้ทิศทางการเลื่อนสวิตซ์จะขึ้นอยู่กับความต้องการปรับเพิ่มหรือลดแรงดันเบรกของล้อคู่หน้า





นักออกแบบยังได้เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์บนคอนโซลกลางใหม่แบบยกชุด หน้าจอสีขนาด10.3 นิ้ว แสดงข้อมูลหลักที่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องได้รับขณะอยู่ในสนาม รอบเครื่องยนต์อุณหภูมิน้ำและน้ำมันหล่อลื่นสัญญาณเตือนฉุกเฉินหรือค่าความผิดปกติต่างๆถูกตั้งค่าให้ปรากฎขึ้นทันทีเมื่ิอจำเป็น อาทิ ข้อความเตือน“wet” เมื่อขับขี่ท่ามกลางสายฝน การแสดงข้อมูลทุกครั้งได้รับการออกแบบให้ถูกต้องตรงกันทั้งจากหน้าจอบนรถ และหน้าจอคอมพิวเตอร์ควบคุมการแข่งขัน เพื่อให้มั่นใจว่านักแข่งและวิศวกรจะเห็นข้อมูลที่เหมือนกันทุกประการช่วยให้วิเคราะห์ผลการแข่งแต่ละสนามได้อย่างตรงประเด็น

ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้รับการพัฒนาให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้นโดยสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดต่างๆได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งแก้ไขปัญหาได้ถูกต้องทันท่วงทีมากกว่า 700 แนวทางการวิเคราะห์ที่สามารถเลือกใช้งานได้ softwareพิเศษเฉพาะทาง ช่วยในการสรุปข้อมูลต่างๆอย่างชัดเจน และครอบคลุมทุกระบบ ฟังก์ชันการทำงานเสริม อาทิ ระบบ ABS หรือระบบ traction control บรรจุพร้อมใช้งาน สามารถสั่งการได้ผ่าน digital codeในการแข่งขัน Porsche Mobil 1 Supercup และรายการ Carrera Cups ระดับสากลแทบทั้งหมดระบบช่วยเหลือดังกล่าวจะถูกปิดการทำงานเอาไว้ สำหรับการลงสนามเพื่อค้นหาผู้ชนะในซีรีส์นี้ ที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักแข่งเพื่อชิงชัยเท่านั้น

รายละเอียดอื่นๆ ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงความประณีตในการสร้างสรรค์รถแข่งปอร์เช่911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)สามารถสังเกตได้จากการจัดเรียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายรอบตัวรถกล่องควบคุม Motorsport control units และระบบบันทึกข้อมูลการขับขี่ data loggers ย้ายตำแหน่งจากที่วางเท้าฝั่งผู้โดยสาร ไปยังมุมขวาของห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ ผลที่ได้คือไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางการติดตั้งเบาะนั่งฝั่งผู้โดยสาร เมื่อมีความจำเป็นต้องขับขี่ชั่วคราวในลักษณะ‘racingtaxidrives’





ระบบช่วงล่างของรถแข่ง 911 Cup คือศูนย์รวมเทคโนโลยีจากสนามความเร็วที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทั้งนี้ช่วงล่างด้านหลังแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆจากรถสปอร์ตในสายการผลิตปกติ ส่วนช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ double wishbones และลูกปืนแบบ Uniball bearings เช่นเดียวกับ 911 RSRรถแข่งตัวแรงที่สุดของปอร์เช่ในปัจจุบัน ด้วยสิ่งนี้ โช๊คอัพไม่มีความจำเป็นต้องรับแรงในแนวราบ มีเพียงแรงในแนวแกนเท่านั้นที่กระทำ ผลลัพธ์คือความเฉียบคมขณะบังคับเลี้ยว และให้ความรู้สึกที่มั่นคงยิ่งขึ้นเมื่อพิจารณาถึงการทำงานของช่วงล่างด้านหน้านอกจากนี้ตัวโช๊คอัพเองยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีวาล์วระดับสุดยอดซึ่งถ่ายทอดมาจาก 919 Hybrid และ 911 RSRผสานกับพวงมาลัยเพาเวอร์ electro-mechanical ครั้งแรกในรถแข่ง911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)หมายความว่าจะไม่จำเป็นต้องใช้ปั้มเพาเวอร์ และท่อทางน้ำมันไฮดรอลิคทั้งหลายอีกต่อไป

ในส่วนของขุมพลัง รถแข่งปอร์เช่911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)ยังคงยึดมั่นกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน ไร้ระบบอัดอากาศในเวอร์ชันรถเเข่งพันธุ์แท้ ด้วยขนาดความจุ4 ลิตร ระบายความร้อนด้วยน้ำพละกำลังสูงสุด510 แรงม้า(375 กิโลวัตต์)ให้รอบการทำงานที่สูงเป็นพิเศษ พร้อมระบบน้ำมันหล่อลื่นแบบ dry-sump รีดสมรรถนะเครื่องยนต์ถึงกว่า 8,400 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าที่ทำได้ 7,500 รอบต่อนาที ตัดการทำงาน redlines ที่ 8,750 รอบต่อนาที ขณะที่ให้แรงบิดมหาศาล 470 นิวตันเมตร ที่ 6,150 รอบต่อนาที ระบบลิ้นปีกผีเสื้อแบบเดี่ยว พร้อมท่อร่วมไอดีติดตั้งresonance flaps คู่ มั่นใจได้ในอัตราการตอบสนองที่ต่อเนื่องไม่มีสะดุด เมื่อทำงานร่วมกับระบบระบายไอเสียพร้อมแคททาไลติด คอนเวอร์เตอร์สำหรับการแข่งขัน ก่อกำเนิดเสียงคำรามจากเครื่องยนต์อันดุดันน่าเกรงขามสามารถเลือกติดตั้งระบบระบายไอเสียได้ถึง 3 รูปแบบ โดยขึ้นอยู่กับรายการแข่งขันข้อกำหนดและสนามแต่ละแห่ง ติดตั้งระบบควบคุมเครื่องยนต์ด้วยอิเล็กทรอนิกส์Bosch MS 6.6


เช่นเดียวกันกับรถแข่งรุ่นก่อนหน้าเครื่องยนต์ 6 สูบบล็อกนี้ต้องการการบำรุงรักษาเพียงการตรวจสอบหลังจากการลงสนามเป็นระยะเวลา 100 ชั่วโมง ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ sequentialdog-type 6 จังหวะ ที่มีน้ำหนัก 72กิโลกรัม พร้อมล้อช่วยแรงแบบ single-mass flywheel และคลัทช์ sintered metal สามแผ่นสำหรับการแข่งขัน เปลี่ยนเกียร์ด้วย paddle shift บนพวงมาลัยระบบเกียร์ดังกล่าวต้องการเพียง “การตรวจสอบเบื้องต้น หรือ minor inspection” หลังจากการลงแข่งขันเป็นระยะเวลา 60 ชั่วโมงเท่านั้น หรือโดยประมาณ 2 ปีในการแข่งขันรายการ Porsche Mobil 1 Supercupจึงจำเป็นต้องโอเวอร์ฮอร์นหลังจาก 120 ชั่วโมงของการลงสนาม กลไกการเปลี่ยนจังหวะเกียร์ shift barrel actuator ควบคุมการทำงานโดย electric servo-motorเปลี่ยนจากการใช้ชุดนิวแมติกในรุ่นเดิมซึ่งมีข้อได้เปรียบคือการเปลี่ยนอัตราทดที่รวดเร็วขึ้น เพิ่มเติมฟังก์ชันการวิเคราะห์ปัญหาในขณะใช้งาน และเสี่ยงต่อความเสียหายน้อยลง ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนเกียร์ผิดตำแหน่ง


นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆอีกมากสำหรับการปรับแต่งพิเศษเพื่อยกระดับสมรรถนะของรถแข่งปอร์เช่911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)

• รถแข่ง 911 Cup ทุกคันจาก Porsche Motorsport จะได้รับการส่งมอบพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งสมบูรณ์แบบจากโรงงาน อาทิ เครื่องมือพิเศษทั้งหมด และสเปเซอร์ในกรณีปรับตั้งช่วงล่างให้เข้ากับการขับขี่แต่ละสนาม ดังนั้น รถแข่ง911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup)จึงพร้อมลงสนามแข่งขันได้ทันที โดยที่ทีมแข่งอิสระไม่จำเป็นต้องสั่งซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม

• ในรถแข่งเจเนอเรชันล่าสุด หม้อน้ำระบายความร้อนยังคงได้รับการติดตั้งบริเวณหลังชิ้นส่วนตัวถังหน้ารถ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในการเสียหายของหม้อน้ำจากการขับขี่บนความเร็วสูงและเปิดโอกาสให้สามารถติดตั้งชุดสตรัทได้โดยไม่ก่อให้เกิดการกระทบกระแทกกับชิ้นส่วนอื่นใด

• ชุดคาลิเปอร์เบรกแบบพิเศษ สามาถเปลี่ยนผ้าเบรกได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

• เพลาขับหลังออกเเบบเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ให้ความทนทานสูง

• ห่วงผ้า Textile loops ได้รับการติดตั้งสำหรับการลากจูงตัวรถ แทนจุดยึดแบบตะขอเหล็กในรุ่นก่อนหน้า

• ระบบดับเพลิงฉุกเฉินcentral nozzle ใหม่ ปรับปรุงการกระจายตัวของสารดับเพลิงให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในห้องโดยสาร

• เปลี่ยนตำแหน่งของ release unit ช่วยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถตรวจสอบความถูกต้องในการทำงานของระบบดับเพลิงฉุกเฉินจากภายนอกรถได้ง่ายยิ่งขึ้น

• ปรับปรุงมือเปิดประตูฉุกเฉิน safety quick releases จากด้านใน ให้เป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์ เมื่อต้องการออกจากตัวรถในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
• ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่านระบบ onboard โดยปราศจากฟิวส์แบบเดิม ลดปริมาณวัสดุที่ใช้ในการเดินสายไฟ และลดน้ำหนักรวมให้ต่ำลง การออกแบบใหม่ ช่วยให้การซ่อมบำรุงทำได้ง่ายยิ่งขึ้นจากตำแหน่งศูนย์รวม
•ในกรณีที่เครื่องยนต์ขัดข้องขณะออกสตาร์ท ไฟฉุกเฉินจะติดขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อเตือนให้นักแข่งคนอื่นระมัดระวังการเฉี่ยวชนที่อาจเกิดขึ้น

 

ข้อมูลทางเทคนิคของรถแข่งปอร์เช่911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup 992) รุ่นปี 2021
แนวคิดหลักในการพัฒนา
• รถแข่งแบบที่นั่งเดี่ยว

น้ำหนัก/มิติตัวถัง
• น้ำหนักรวม:1,260กิโลกรัม
• ความยาว:4,585มิลลิเมตร
• ความกว้าง: 1,920มิลลิเมตร (เพลาล้อหน้า) / 1,902มิลลิเมตร (เพลาล้อหลัง)
• ฐานล้อ: 2,459มิลลิเมตร

เครื่องยนต์
• แบบ 6 สูบนอน ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ3,996 ซีซี ระยะชัก 81.5 มิลลิเมตร ความโตกระบอกสูบ 102มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 510 แรงม้า (375กิโลวัตต์) ที่8,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ที่ 6,150 รอบต่อนาทีเทคโนโลยีสี่วาล์วต่อสูบระบบลิ้นปีกผีเสื้อแบบเดี่ยวท่อร่วมไอดีติดตั้ง resonance flaps คู่ระบบควบคุมเครื่องยนต์ Bosch MS 6.6 ระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์แบบ dry-sumpล้อช่วยแรงแบบ single-mass flywheel ระบบระบายไอเสียพร้อมแคททาไลติค คอนเวอเตอร์ผ่านมาตรฐาน DMSB certifiedรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงไร้สารตะกั่ว Superplus unleaded จนถึง E20 (ค่าออกเทนต่ำสุด 98)

ระบบเกียร์
• ระบบส่งกำลัง 6 จังหวะแบบsequentialdog-typeแป้นเปลี่ยนเกียร์ paddlesshift บนพวงมาลัยพร้อมelectronic shift barrel actuatorเฟืองท้ายแบบ limited slip differentialชุดคลัทช์sintered metal สามแผ่นสำหรับการแข่งขัน

โครงสร้างตัวถัง
• แชสซีสน้ำหนักเบาด้วยการออกแบบผสมผสานระหว่างอะลูมิเนียมและเหล็กกล้า จุดรองรับสำหรับอุปกรณ์ยกรถหลังคาแบบถอดออกได้เพื่อเข้าถึงตัวนักแข่งในกรณีฉุกเฉิน โครงสร้างนิรภัยเชื่อมติดกับตัวถังผ่านการรับรองเพื่อใช้ร่วมกับco-driver สำหรับการแข่งขันในสนาม เบาะนั่งสำหรับการแข่งขันตามมาตรฐาน FIA 8862/2009ยึดติดกับแชสซีส ปรับเลื่อนตามแนวระนาบปรับความสูงและมุมเอียงได้ 2 ตำแหน่งเข็มขัดนิรภัยแบบ 6 ตำแหน่งพร้อมใช้งานร่วมกับระบบHANS®คอพวงมาลัยปรับระดับได้ พร้อมเซนเซอร์ตำแหน่งพวงมาลัยครอบกันชนหน้าพร้อมระบบ quick-release fastenersช่องระบายอากาศ และช่องรับอากาศเข้าห้องโดยสารกันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมลิ้นสปอยเลอร์โป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่ตัวถังด้านหลังติดตั้งระบบไฟเตือน rain light ตามข้อกำหนดของ FIAประตูรถ ครอบกันชนท้าย และปีกหลังผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)ปีกหลังพร้อมจุดยึด‘swan neck’ ปรับระดับได้ 11 ตำแหน่งกระจกแบบ polycarbonate เคลือบแข็งระบบแม่แรงลม air-jack3 จุดวาล์วควบคุมแรงดันติดตั้งบนตัวถังทั้ง 2 ฝั่งถังน้ำมันนิรภัยแบบ FT3ความจุ 110 ลิตร ติดตั้งบริเวณด้านหน้ารถ

• แผงอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารผลิตจากวัสดุ คาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)พวงมาลัยสปอร์ต multifunctional ผลิตจากวัสดุ คาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP)พร้อมข้อต่อแบบ quick-release coupling แป้นเปลี่ยนเกียร์ shift paddles และปุ่มควบคุมเรืองแสงหน้าจอดิจิทัลระบบสัมผัส ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ พร้อม multi-colour backlight; ตาข่ายนิรภัย(บริเวณกลางรถ และฝั่งผู้ขับขี่) ตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยล่าสุดของ FIAระบบระบายอากาศเบาะนั่งแบบพร้อมใช้งานระบบดับเพลิง พร้อม electronic release unit

ระบบช่วงล่าง
• ปีกนกและจุดยึดอลูมิเนียมฟอร์จ เพิ่มความแข็งแกร่งลูกปืนล้อ spherical bearings สำหรับงานหนัก พร้อมยางกันฝุ่นดุมล้อพร้อมระบบ centre-lock wheel nut โช้คอัพแบบสปอร์ตสำหรับการแข่งขันเหล็กกันโคลงปรับระดับได้แบบ double-blade-typeระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง tyre pressure monitoring

ช่างล่างด้านหน้า
• ปีกนกคู่ Double wishbone ปรับระดับความสูง มุมโท และมุมแคมเบอร์ได้
• พวงมาลัยเพาเวอร์แบบ Electro-mechanical พร้อมฟังก์ชันปรับน้ำหนัก

ช่วงล่างด้านหลัง
• ปีกนกคู่ Double wishbone ปรับระดับความสูง มุมโท และมุมแคมเบอร์ได้
• เพลาขับเพื่อการแข่งขัน ให้ความทนทานสูง

ระบบเบรก
• ระบบเบรกอิสระ2 วงจรหน้าและหลัง เซนเซอร์แรงดันเบรกผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งการกระจายแรงเบรกได้ด้วยระบบ brake balanceผ้าเบรกสำหรับการแข่งขันระบบระบายความร้อนเบรกแป้นเบรกวางตำแหน่งตามหลักสรีรศาสตร์
• เบรกคู่หน้าคาลิเปอร์เบรกอลูมิเนียม โมโนบลอก หกลูกสูบสำหรับการแข่งขัน พร้อมสปริงลูกสูบแบบ anti knock-backจานเบรกเหล็กกล้าพร้อมครีบระบายความร้อนขนาด 380x 32 มิลลิเมตรยึดติดกับโครงอะลูมิเนียมแม่ปั๊มเบรกอะลูมิเนียม
• เบรกคู่หลังคาลิเปอร์เบรกอลูมิเนียม โมโนบลอก 4 ลูกสูบสำหรับการแข่งขัน พร้อมสปริงลูกสูบแบบ anti knock-backจานเบรกเหล็กกล้าพร้อมครีบระบายความร้อนขนาด 380x 32 มิลลิเมตร ยึดติดกับโครงอะลูมิเนียมแม่ปั๊มเบรกอะลูมิเนียม

ล้อ/ ยาง
• คู่หน้า: ล้ออัลลอยชิ้นเดียว พร้อมระบบ centre-lock ผลิตและออกแบบตามมาตรฐานของปอร์เช่ขนาด 12J x 18 ยางรถยนต์ขนาด 30/65-18
• คู่หลัง: ล้ออัลลอยชิ้นเดียว พร้อมระบบ centre-lock ผลิตและออกแบบตามมาตรฐานของปอร์เช่ขนาด 13J x 18 ยางรถยนต์ขนาด 31/71-18

ระบบไฟฟ้า
• บันทึกข้อมูลด้วย Porsche Logger Unit; Porsche Power Box หน้าจอสีแสดงผลขนาด 10.3 นิ้ว Porsche colour display แบตเตอรี่นิรภัยน้ำหนักเบา LiFePO4 ขนาด 12V, 60 Ah ติดตั้งบริเวณพื้นตัวถังภายในฝั่งผู้โดยสารอัลเทอร์เนเตอร์ขนาด 175Aหน้าจอสัมผัสพร้อม multi-colour backlight ก้านปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบแขนเดี่ยว พร้อมระบบควบคุมแบบ direct drive (การทำงานปัดเป็นจังหวะและปัดต่อเนื่อง)สวิตซ์เสริม 3 ตำแหน่งบนคอนโซลกลาง สำหรับรองรับอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมระบบเชื่อมต่อสำรองข้อมูลการขับขี่ data connection (data logger, video system)
• ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน daytime running lights ไฟท้าย และระบบไฟเตือน rain light ที่มาพร้อมเทคโนโลยี LED



ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : www.rodweekly.com แหล่ง ซื้อขายรถมือสอง กรุงเทพและปริมณฑล  
 ผู้บันทึก : www.rodweekly.com แหล่ง ซื้อขายรถมือสอง กรุงเทพและปริมณฑล
date : [ 08 ม.ค. 2564 ]
 


 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

 
 

ข่าวสารยานยนต์

error=select * from newtopic order by q_id desc