ยอดขายรวมปี 2563 โต 7% ย้ำความเป็นผู้นำตลาด SUV และตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BEV
ในปี 2563 เอ็มจีมียอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 26,516 คัน โดยแบ่งเป็นยอดขาย MG ZS สูงถึง 11,013 คัน ตามมาด้วย MG HS (รวม MG HS PHEV) จำนวน 6,008 คัน MG Extender 5,387 คัน MG3 จำนวน 4,856 คัน MG ZS EV และ MG EP จำนวน 826 คัน และรุ่นอื่นๆ 226 คัน
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี ยังครองแชมป์ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มรถ SUV ด้วยยอดการจำหน่ายรวมสูงถึง 17,819 คัน หรือประมาณเกือบหนึ่งในสี่ของตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าว โดยมียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งในกลุ่ม C-SUV ในขณะที่กลุ่ม B-SUV เอ็มจีมียอดจำหน่ายสูงเป็นลำดับที่สองของกลุ่ม
นอกจากนี้ เอ็มจียังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 88% ด้วยยอดขาย 826 คัน จากยอดขายรวมทั้งหมด 939 คัน
เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า
โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี (Technology) ความทันสมัย (Fashion) และความคุ้มค่า (Value)
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปีนี้ เอ็มจียังคงมุ่งพัฒนาและนำเสนอสิ่งที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญา Passion To Be Better โดยมีแผนแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์เอ็มจี ซึ่งจะมีความโดดเด่นใน 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology) : มาพร้อมนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และทำให้การใช้ชีวิตของคนง่ายยิ่งขึ้น ; ความทันสมัย (Fashion) : มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ; และให้ความคุ้มค่า (Value) : ต้องมีความคุ้มค่า ทั้งในด้านของการใช้งานและความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ
เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการ ตั้งเป้า 170 แห่งในปีนี้
ในส่วนของแผนงานขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐาน ได้ครบ 150 แห่ง ตามแผนงานที่วางไว้ และตั้งเป้าการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานเป็น 170 แห่ง ภายในปี 2564 เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ขยายสถานีชาร์จ MG Super Charge รองรับการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
นอกเหนือจากการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งในปีที่ผ่านมาเอ็มจีสามารถตั้งสถานี MG Super Charge ซึ่งเป็นสถานีชาร์จที่รองรับการชาร์จแบบ DC ได้ครบ 100 จุดชาร์จ ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดลองระบบก่อนการเปิดใช้งานและในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการตั้งสถานี MG Super Charge เพิ่มอีก 500 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และกระตุ้นการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างครอบคลุม เร่งให้เกิดสังคมยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบและมีประสิทธิภาพอย่างเร็วที่สุด
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เน้นย้ำถึงการดำเนินงานของเอ็มจีว่า “เรามั่นใจว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะเติบโตขึ้นด้วยปัจจัยสนับสนุนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงวัคซีน COVID-19 โดยคาดว่าตลาดรถยนต์โดยรวมน่าจะอยู่ที่ 840,000 คัน ในขณะที่เอ็มจี ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 42,000 คัน หรือเติบโตขึ้นกว่า 40%”
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com