ไฮไลท์อันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5เจเนอเรชั่นที่ 7 นี้ สร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตา เส้นสายทรงพลังทั้งบริเวณด้านหน้าและท้ายรถ มาพร้อมกระจังหน้าทรงไตคู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 20% ในรูปทรงแปดเหลี่ยมแบบใหม่ยาวลงมาบรรจบกับกันชนหน้าล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ส่วนบนของซี่ในกระจังหน้ายื่นออกมาเล็กน้อยสร้างมิติที่สอดรับกับไฟหน้าAdaptive LED รูปตัว L ในดีไซน์เรียวยาว สร้างความดุดันยิ่งขึ้น ช่องดักอากาศแนวตั้งทั้งสองข้างบนกันชนหน้าเสริมความโดดเด่นให้แก่การเล่นเส้นสายของดีไซน์แบบใหม่ เน้นย้ำถึงความสง่างามและทรงพลังกว่าที่เคย
ดีไซน์ด้านท้ายรถสื่อถึงรูปลักษณ์ที่ผสานความสง่างามและล้ำสมัยด้วยเส้นสายที่คมชัดและทรงพลังเช่นเดียวกันไฟท้าย LED มาในรูปแบบสามมิติทรงตัว L รับกับไฟหน้า โฉบเฉี่ยวด้วยกรอบสีดำ สร้างความสะดุดตาบนท้องถนน โดยทั้งไฟท้ายและไฟเบรกได้รับการออกแบบมาให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่มีรูปโฉมที่ไม่ซ้ำใครเสริมลุคสปอร์ตด้วยท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ท้ายรถทั้งสองด้านซึ่งรวมเป็นส่วนหนึ่งของกันชนท้ายไว้ได้อย่างลงตัว
มิติตัวรถที่ยาวกว่ารุ่นก่อนหน้า 27 มิลลิเมตร ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่มีความยาว 4,963 มิลลิเมตร แต่ยังคงประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ไว้ได้อย่างเหนือชั้น ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน(Cd)เพียง0.23 มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamicsและล้ออัลลอยM น้ำหนักเบาลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น 520d M Sport และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Y-spoke แบบสลับสี ขนาด 19 นิ้ว สำหรับรุ่น 530e M Sportขณะที่รุ่น530e Elite มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้วลาย Double-spoke
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่ มอบประสิทธิภาพเต็มพิกัดจากทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบปลั๊กอินไฮบริด พร้อมเทคโนโลยีBMW TwinPower Turbo ใหม่ล่าสุด โดยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบในบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sportส่งพละกำลังสูงสุด140 กิโลวัตต์ / 190 แรงม้า ที่4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่1,750 - 2,500 รอบต่อนาที ส่งให้ตัวรถเคลื่อนจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน7.5วินาทีสู่ความเร็วสูงสุด 235กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู530e Eliteและ 530e M Sportมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบที่มอบพละกำลัง135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า ที่5,000 - 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด300 นิวตันเมตร ที่1,350 - 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดส่งกำลังรวมสูงสุดถึง 215 กิโลวัตต์ / 292 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตันเมตรและสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบXtraBoostซึ่งปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาทีเมื่อขับขี่ในโหมด SPORT จึงสามารถโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรได้ภายใน 5.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 235กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถขับขี่แบบไร้มลพิษได้เป็นระยะทาง52 กิโลเมตรตามมาตรฐานNEDCด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 12.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลัง นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่ในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดทั้งสองรุ่น ยังมีระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยต่ำเพียง 41 กรัมต่อกิโลเมตรตามการอ้างอิงผล ECO Sticker ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในกลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขนาดใหญ่ในประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่ยังมาพร้อมการควบคุมที่เฉียบคมและโฉบเฉี่ยวเช่นเดียวกันรุ่นก่อนหน้า ฐานล้อที่ยาวและกว้าง รวมทั้งการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบาและการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ช่วงล่างมาพร้อมเพลาหน้าแบบปีกนกคู่และเพลาหลังแบบ five-link จึงขับขี่ได้อย่างนุ่มสบายทั้งในชีวิตประจำวันและขณะเดินทางไกล รวมถึงในการขับขี่ที่ต้องใช้ความคล่องตัวสูง นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังพกพาระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ที่มีระยะกว้างกว่ารุ่นก่อนหน้า ส่งล้อหลังมาช่วยเสริมสมรรถนะการเข้าโค้งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วมากกว่า 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังช่วยเสริมความคล่องตัวขณะเข้าจอดโดยบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบAdaptiveขณะที่รุ่น 520d M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ M Sport
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ในบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่ ได้รับการยกระดับให้ล้ำสมัยยิ่งกว่าที่เคย เพื่อช่วยเหลือการขับขี่ในสภาวะที่หลากหลาย พร้อมปูทางสู่เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ บีเอ็มดับเบิลยู520d M Sport และ 530e M Sport มาพร้อมระบบช่วยการขับขี่(Driving Assistant)และฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในสภาวะต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นStop&Go(Active cruise control with Stop&Go function) ในบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sportและระบบควบคุุมความเร็วคงที่่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว(Cruise Control with braking function) ในบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ 530e Eliteรวมถึงระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่่ (Attentiveness Assistant)ในทั้งสามรุ่น นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยอีกมากมายในทุกรุ่นเพื่อสร้างความอุ่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ เช่น เซนเซอร์ควบคุุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)ระบบ Active Protection และเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง(Park Distance Control)และสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังมาพร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) และระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายโดยเฉพาะขณะถอยจอดและจอดขนาน
อีกหนึ่งความโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่ คือการออกแบบภายในห้องโดยสาร ที่ยังคงเน้นการผสานทั้งความสง่างามและความล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันโดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นสำคัญ จึงสร้างบรรยากาศที่สมบูรณ์แบบทั้งสำหรับการขับขี่และมอบความสะดวกสบายแม้ขณะเดินทางไกลตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมและงานฝีมือสุดประณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญปุ่มบริเวณคอนโซลกลางมาในสีดำเงาเพื่อความหรูหรา ตัดกับพวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชั่น M Sport พร้อมคอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatecในรุ่น 520d M Sport และ530e M Sportทั้งสามรุ่นมาพร้อมเบาะหนังแท้ Dakota ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ530e M Sportตกแต่งด้วยอลูมิเนียมลาย Rhombicle Smoke Grey พร้อมแถบโครเมี่่ยมขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 530e Elite ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาพร้อมแถบโครเมียม
บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาในด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ530e M Sport มาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบBMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด BMW Operating System 7ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้นและยังมาพร้อมระบบปลดล็อกประตููอัจฉริยะ (Comfort Access System)ที่รองรับBMW Digital Key ซึ่งเปลี่ยนให้ iPhone กลายเป็นเหมือนกุญแจรถ สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นแบบ NFC (Near Field Communication) โดยรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 5 คน นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกควบคุมระบบการทำงานของรถยนต์ ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร ระบบการเชื่อมต่อ และระบบนำทางได้ผ่านทางจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDriveปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านBMW Intelligent Personal Assistant และBMW gesture control
ผู้สนใจสามารถครอบครองบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sportได้ในราคา 3,539,000 บาท บีเอ็มดับเบิลยู 530e Elite ในราคา 2,999,000 บาท และบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ในราคา 3,739,000 บาท โดยทั้งสามรุ่นมาพร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard ซึ่งครอบคลุมการบำรุงรักษา 3 ปี/60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี /ไม่จำกัดระยะทาง ทั้งสามรุ่นยังมีให้เลือกใน 5 สีได้แก่ Alpine White, Black Sapphire metallic, Bluestone metallic และ Phytonic Blueรวมทั้งสีBernina Grey Amber effect สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู520d M Sport และ530e M Sport