ในการรักษาไว้ซึ่งรูปเเบบดั้งเดิม รถสปอร์ตรุ่นพิเศษผสมผสานงานตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุหนังแท้ Bordeaux leather interior กับผ้าหลังคาประทุนสีแดงประทับตราสัญลักษณ์ Boxster 25 โดยสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นสีดำได้ตามความต้องการ interior package เน้นชิ้นงานอะลูมิเนียมเบาะนั่งสปอร์ตปรับไฟฟ้า 14ทิศทาง กาบประตูประดับด้วยตัวอักษร“Boxster 25" พร้อมพวงมาลัยสปอร์ต GT multifunction หุ้มหนัง ข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายการอุปกรณ์มาตรฐานที่ถูกเพิ่มเติมลงในยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นพิเศษคันนี้
รถสปอร์ตรุ่นเฉลิมฉลองประจำการด้วยขุมพลังไร้ระบบอัดอากาศเครื่องยนต์ขนาดความจุ 4ลิตร บ็อกเซอร์ 6 สูบนอนของ 718 บ็อกซเตอร์ จีทีเอส 4.0 (Boxster GTS 4.0)ซึ่งถูกใช้เป็นต้นกำลังให้รถสปอร์ตพันธุ์แท้อย่างปอร์เช่ 718 สไปเดอร์(718 Spyder) เช่นกัน ด้วยอัตราการตอบสนองที่เฉียบคม พละกำลังมหาศาลและสุ้มเสียงที่ดุดันเกรี้ยวกราดจากแรงม้าสูงสุด 400 แรงม้า(294กิโลวัตต์) นี่คือเครื่องยนต์ไร้ระบบอัดอากาศที่รับประกันได้ถึงประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับปอร์เช่นำเสนอระบบเกียร์ธรรมดา7 จังหวะ รวมทั้งระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่อัจฉริยะ(PDK)7 จังหวะ สำหรับ the Boxster 25 ส่งผลให้รถสปอร์ตรุ่นพิเศษคันนี้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 293 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อทำงานร่วมกับเกียร์ PDK และอุปกรณ์มาตรฐานชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono package ให้อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 4 วินาที อุปกรณ์มาตรฐานอื่นประกอบด้วย ระบบช่วงล่างอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Active Suspension Management sports suspension (PASM)ลดระดับความสูงลง 10 มิลลิเมตรและระบบ Porsche Torque Vectoring (PTV) พร้อมเฟืองท้าย mechanical limited-slip differentialให้สมรรถนะการขับขี่และการบังคับควบคุมที่ยอดเยี่ยม
กว่า 2 ทศวรรษ แห่งความรื่นรมย์ในการขับขี่: ครบรอบ 25 ปี ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์(Boxster)
บ็อกซเตอร์(Boxster)คือสมญานามพิเศษที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหมายสำหรับปอร์เช่ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์การกำเนิดใหม่ของผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำระดับโลก รถยนต์ที่เป็นหนึ่งในกลยุทธการดำเนินงานหลักของบริษัท และเป็นอนาคตขององค์กรในระหว่างวิกฤติเศรษฐกิจช่วงกลางทศวรรษ1990ยนตกรรมที่สะท้อนภาพการก้าวเข้าสู่แนวทางการผลิตเครื่องยนต์หกสูบนอน ที่ระบายความร้อนด้วยน้ำเป็นครั้งแรก รวมไปถึงอัจฉริยภาพการออกแบบ จนได้มาซึ่งรถสปอร์ตโรดสเตอร์เครื่องยนต์วางกลางสมรรถนะสูง แนวคิดนี้ได้รับการนำมาต่อยอดในรถสปอร์ต 911 รหัสตัวถัง 996 ในลำดับถัดมา เป็นใบเบิกทางให้ปอร์เช่สามารถกลับมาสร้างผลกำไรได้อีกครั้ง
รถสปอร์ต 2 ที่นั่งสมรรถนะชั้นยอด ที่มาพร้อมราคาอันเหมาะสม เข้าไปจับจองพื้นที่ในหัวใจของกลุ่มลูกค้าหนุ่มสาว ผู้เริ่มต้นเปิดประสบการณ์กับยานยนต์สปอร์ต เมื่อพิจารณาในเชิงภาพลักษณ์ รถคันนี้คือส่วนหนึ่งของการพลิกประวัติศาสตร์แบรนด์รูปทรงภายนอกของรถยนต์ต้นแบบ บ็อกซเตอร์(Boxster concept)ที่ปรากฎต่อสายตาสาธารณชนใน Detroit สะท้อนภาพยานยนต์สปอร์ตในตำนานอย่างปอร์เช่ 550 สไปเดอร์(550 Spyder) และรถแข่ง 718 อาร์เอส 60 สไปเดอร์(718 RS 60 Spyder)หลังจากการตอบรับอันยอดเยี่ยมในเดือน มกราคม 1993 คณะกรรมการบริหารของปอร์เช่ ตัดสินใจพัฒนาและเดินสายการผลิตภายใต้คำสั่งที่ปราศจากข้อสงสัยใดๆคือ “ผลิตออกมาให้เหมือนรถต้นแบบ”ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง
เมื่อเวอร์ชันจำหน่ายจริง เปิดตัวในเดือนสิงหาคม ปี 1996รถคันนี้กลับมาเป็นดาวเด่นในเวทีมอเตอร์โชว์อีกครั้ง ด้วยเหตุผลในงานออกแบบตัวถังด้านหน้าร่วมกับปอร์เช่ 911 รุ่นตัวถัง 996 จึงไม่มีคำถามใดเกิดขึ้น บ็อกซเตอร์(Boxster) คือปอร์เช่โดยแท้จริงพร้อมกับการวางเครื่องยนต์ 6 สูบนอนกลางตัวถัง เริ่มต้นด้วยขนาดความจุ 2.5 ลิตร ให้พละกำลัง 204 แรงม้า(150 กิโลวัตต์)อาศัยความล้ำเลิศทางวิศวกรรมยานยนต์ในการออกแบบระบบระบายอากาศด้วยน้ำ เทคโนโลยี 4 วาล์วต่อสูบ และระบบวาล์วแปรผันส่งผลให้สามารถผ่านมาตรฐานมลภาวะอันเข้มงวดไปได้อย่างไร้ปัญหา
ในระยะเวลาไม่นาน การยกระดับพละกำลังก็เกิดขึ้นไม่รุ่นถัดมา ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ (Porsche Boxster) รหัสตัวถัง 986 ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดความจุ 2.7ลิตร ในปี 1999, เบื้องต้นมีพละกำลัง 220 แรงม้า(162 กิโลวัตต์)และต่อด้วย 228 แรงม้า(168 กิโลวัตต์)ในรุ่นบ็อกซเตอร์ เอส(Boxster S)ประจำการขุมพลังขนาด 3.2ลิตร 6 สูบ พกพาพละกำลังระดับ 252 แรงม้า(185 กิโลวัตต์)จากนั้นจึงตามมาด้วย 260 แรงม้า(191 กิโลวัตต์)รหัสตัวถัง 987 เปิดตัวในปี 2004 พร้อมการออกเเบบใหม่ทั้งหมด ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว งานตกแต่งภายในห้องโดยสารออกแบบใหม่ เสริมด้วยอุปกรณ์พิเศษ ระบบช่วงล่าง PASM และโช๊คอัพแปรผันความหนืดได้ ระบบ PCCB (Porsche Ceramic Composite Brake) เบรกเซรามิก และชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono packageถึงแม้ขนาดความจุเครื่องยนต์จะไม่มีการปรับขยาย แต่พละกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 240 แรงม้า(176 กิโลวัตต์) และ 280 แรงม้า(206 กิโลวัตต์)ตามลำดับ ช่วงปลายอายุการทำตลาดของรหัสตัวถัง ได้รับการปรับเพิ่มกำลังสูงสุด 255 แรงม้า(188 กิโลวัตต์) จากความจุกระบอกสูบ2.9 ลิตร และ 310 แรงม้า(228 กิโลวัตต์)จากความจุกระบอกสูบ 3.4 ลิตร นอกจากนี้ ระบบเกียร์ PDK ยังได้รับการบรรจุให้ทำหน้าที่แทนเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S
ในปี 2012ปอร์เช่ นำเสนอบ็อกซเตอร์(Boxster) เจเนอเรชัน981ที่มาพร้อมความเฉียบคม กร้าวแกร่งยิ่งขึ้น ต้องยกประโยชน์ให้เทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาใหม่ล่าสุดและการพัฒนาระบบช่วงล่างอันล้ำยุค รถสปอร์ตคันนี้จึงมาพร้อมความลงตัว ยิ่งกว่าดุดันยิ่งขึ้น เปี่ยมสมรรถนะ และรวดเร็วกว่าที่เคย หลังคาประทุนทำงานด้วยระบบไฟฟ้าปราศจากกลไกแบบเดิม การวางตำแหน่งตัวถังด้านหน้าสั้นลง กระจกบังลมหน้าขยับไปข้างหน้าตัวรถมากยิ่งขึ้น ขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและให้อัตราสิ้นเปลืองที่ประหยัดยิ่งขึ้น ด้วยระบบส่งเชื้อเพลิงตรงเข้าห้องเผาไหม้ direct petrol injection เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์หกสูบนอน ขนาดความจุ 2.7 ลิตร 265 แรงม้า(195 กิโลวัตต์)และเครื่องยนต์ 3.4-ลิตร ที่พกพาพละกำลัง 315 แรงม้า(232 กิโลวัตต์)ติดตัว ในเดือนเมษายน ปี 2014ปอร์เช่ บ็อกซเตอร์ จีทีเอส(Porsche Boxster GTS) เปิดตัวตามมาด้วยพละกำลัง 330 แรงม้า(243 กิโลวัตต์)สำหรับดาวเด่นในขณะนั้น ไม่สามารถปฏิเสธ บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์(Boxster Spyder) ไปได้ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 3.8-ลิตร อันเป็นแหล่งกำเนิดพละกำลังชั้นเยี่ยม ระดับ 375 แรงม้า(276 กิโลวัตต์)
จวบจนทุกวันนี้ ปอร์เช่ 718 บ๊อกสเตอร์ (718 Boxster) รหัสตัวถัง 982 เจเนอเรชันล่าสุด เปิดตัวครั้งแรกของโลกในเดือนมกราคม ปี 2016ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ด้วยการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ พร้อมงานออกเเบบตัวถังสุดล้ำ ขุมพลังขนาดความจุ 2.0ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 300 แรงม้า(220 กิโลวัตต์) ในส่วนของเครื่องยนต์ขนาดบ๊อกเซอร์ขนาด 2.5ลิตร ให้พละกำลัง เพิ่มขึ้นเป็น 350 แรงม้า(257 กิโลวัตต์)เป็นผลงานจากระบบเทอร์โบแปรผัน variable turbine geometryตามมาติดๆด้วยปอร์เช่ บ๊อกสเตอร์ จีทีเอส(Boxster GTS)พกพาความแรงยิ่งขึ้นระดับ 365 แรงม้า(269 กิโลวัตต์)ช่วงกลางปี 2019 บ็อกซเตอร์ สไปเดอร์(Boxster Spyder) รุ่นใหม่ ได้กลายเป็นรุ่นเรือธงของตระกูลสปอร์ตโรดสเตอร์ ด้วยกำลังสูงสุดอันน่าอัศจรรย์ถึง 420 แรงม้า(309 กิโลวัตต์)จากเครื่องยนต์ขนาดความจุ4.0ลิตร เคียงข้างด้วยเวอร์ชันหลังคาแข็งในรุ่น 718 เคย์แมน จีทีโฟร์ (718 Cayman GT4)จนกระทั่งปี 2020ขุมพลัง 6 สูบวางกลาง สามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ถึง 400 แรงม้า(294 กิโลวัตต์)ในปอร์เช่ 718 บ็อกซเตอร์ จีทีเอส4.0(718BoxsterGTS4.0)
ราคาจำหน่าย
บ็อกซเตอร์ รุ่นครบรอบ 25 ปี ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท พร้อมรับคำสั่งซื้อเเล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม ปอร์เช่ บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา