ด้าน มร.สตีเว่น หวัง รองประธานฝ่ายขายและการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า “หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้คือการเผยโฉม
“All New HAVAL H6 Hybrid SUV”เป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งประเทศไทยและคนไทยเป็นประเทศแรกและ
คนกลุ่มแรกที่ได้ยลโฉมรถยนต์คันนี้อย่างใกล้ชิด โดย “All New HAVAL H6 Hybrid SUV”เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยผสานกับดีไซน์อันโดดเด่น สำหรับ HAVAL H6 นั้น นับตั้งแต่เปิดตัว มียอดขายรวมกว่า
3 ล้านคันและได้รับรางวัลมากมายในตลาดต่างประเทศหลายแห่ง เช่น รางวัลรถเอสยูวีที่มีคุณค่ามากที่สุด
ในออสเตรเลียและเป็นรถเอสยูวีรุ่นที่ดีที่สุดในชิลี”
สำหรับ “All New HAVAL H6 Hybrid SUV” ที่เผยโฉมครั้งนี้ เป็นรถยนต์พวงมาลัยขวา ระบบขับเคลื่อนสองล้อ มาพร้อมเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 130 กิโลวัตต์ ให้แรงม้าสูงสุด
179 กิโลวัตต์ หรือ 243 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 530นิวตัน-เมตร โดยมีมิติของตัวรถขนาดกว้างและยาว
1,886 x 4,653 มม. พร้อมความสูง 1,724 มม. มีระยะฐานล้อ 2,738 มม. และขนาดล้อ 19 นิ้ว ถือเป็นรถเอสยูวี
ที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบรถในคลาสเดียวกัน ให้พื้นที่จัดเก็บกว้างขวาง นั่งสบาย ครบครันสำหรับทุกไลฟ์สไตล์
ของทุกคนในครอบครัว
“All New HAVAL H6 Hybrid SUV”พิเศษด้วยLIFE+ (LIFE PLUS) ระบบอัจฉริยะที่ตอบสนองความต้องการ
ในทุกเส้นทางการขับขี่ ซึ่งประกอบไปด้วย
- L: L2 ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level2 มาพร้อม 22 ฟังก์ชั่นอัจฉริยะที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัย
มากยิ่งขึ้น อาทิ
1) ระบบช่วยจอดรถยนต์อัตโนมัติ 3 รูปแบบหรือIntegration Auto Parking (IAP) ด้วยกล้อง 360 องศาและเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ
โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอดการจอดขนานเส้นทางเดินรถและการจอด
ตามแนวเฉียง
2) ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ หรือ Auto Reversing Assistance (ARA)โดยระบบจะสามารถจดจำเส้นทางเมื่อรถขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถถอยหลังกลับ
ตามเส้นทางเดิมได้ในระยะทางถึง 50 เมตร
3) ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากทางด้านข้างหรือ Wisdom Dodge System(WDS)ระบบ
ที่ช่วยตรวจจับรถขนาดใหญ่อาทิ รถบรรทุกในเลนติดกันโดยรักษาระยะห่างขณะขับผ่านและเมื่อพ้นระยะแล้วสามารถกลับสู่กลางเลนตามปกติ ทำให้เร่งแซงได้อย่างปลอดภัย
ซึ่งทั้ง 3 ระบบข้างต้น ถือเป็นระบบความปลอดภัยในรถยุโรประดับพรีเมียม นับได้ว่าเป็นครั้งแรกหรือFirst in Classในรถที่มีขนาดและระดับราคาเดียวกันในตลาดประเทศไทยในเวลานี้
- I: Intelligence V3.5 ระบบอัจฉริยะที่ช่วยสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอาทิ
ระบบโต้ตอบด้วยเสียง (Voice Interaction)ระบบอินเทอร์เน็ตอัจฉริยะ (Intelligent Internet)
รวมไปถึงระบบหน้าจออัจฉริยะที่ช่วยให้เชื่อมต่อและค้นหาข้อมูลการเดินทางได้อย่างชาญฉลาด
- F: FOTAระบบการอัปเกรดโปรแกรมออนไลน์สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการอัปเกรดFirmware ได้เองผ่านระบบออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเอารถเข้าศูนย์บริการไม่ว่าจะเป็น ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ
ระบบขับเคลื่อน และระบบส่งกำลัง
- E: EYEQ4ชิปอัจฉริยะที่ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น สามารถประมวลผลภาพจากกล้องหลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน และยังสามารถรักษาเสถียรภาพในการทำงานได้ดีหากมีการชนหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
- + (Plus) ให้คุณ “มากกว่า” ด้วยเทคโนโลยีและการออกแบบอันล้ำสมัยไม่ว่าจะเป็น
1) ระบบ GWM LEMON Hybrid DHT ซึ่ง All New HAVAL H6 ใช้แพลตฟอร์มGWMLEMONที่เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีโมดูลาร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัยสูงและน้ำหนักเบามาพร้อม
โหมดช่วยการขับขี่หลายรูปแบบตอบสนองการขับขี่ในหลากหลายสภาพถนน อีกทั้งยัง
ช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2) การออกแบบ ในส่วนของภายนอกที่ออกแบบตามหลักสุนทรียศาสตร์ โดยการใช้เส้นโค้งและลายเส้น
ที่เรียบง่าย แต่ประณีตและพรีเมียม ล้ำยุค และเหนือระดับ ภายใต้การนำทีมออกแบบโดย ฟิล ซิมมอนส์ (Phil Simmons) ผู้มีประสบการณ์ออกแบบรถยนต์แบรนด์ยุโรปชื่อดังมากมาย ภายในมีการออกแบบ
ที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ด้วยวัสดุหนังหุ้มเบาะคุณภาพสูงที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ รวมไปถึง
แผงหน้าปัดแบบลอยตัว พร้อมจอ Infotainment ขนาดใหญ่ และจอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครันบนกระจก รวมไปถึงพวงมาลัยไฟฟ้า Multi-Function และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่
3) เสริมความปลอดภัย ด้วยตัวถังรถที่ประกอบด้วยเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูงเป็นพิเศษ กรอบประตูเหล็กแบบขึ้นรูปพร้อมคอพวงมาลัยที่ดูดซับแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และถุงลมนิรภัย
6 จุด
ทั้งนี้ “All New HAVAL H6 Hybrid SUV”จะมีการเปิดตัวและเปิดจองรถในประเทศไทยภายในไตรมาสที่ 2ของปีนี้ และจะมีการทดสอบขับรถ รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ จาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด
ด้าน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เผยว่า “ผมขอขอบคุณผู้บริโภคและแฟนๆ ชาวไทย ที่ให้การต้อนรับเกรท วอลล์ มอเตอร์อย่างอบอุ่นและด้วยดีเสมอมาณ งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เรานำทัพรถยนต์มาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยรถยนต์ที่เรานำมาจัดแสดง
ในงานจะเป็นทัพรถยนต์ที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้า (xEV) ทั้งสิ้นเพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ xEV Leader การเป็น
ผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยของเรารวมถึงแสดงถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตและนวัตกรรมอันล้ำสมัยมาให้ผู้บริโภคชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัส พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต
และส่งออกของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน”
โดยรถยนต์ยอดนิยมของเกรท วอลล์ มอเตอร์ที่นำมาจัดแสดงมีหลากหลายรุ่น อาทิ
- รถยนต์ต้นแบบ Concept H เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลกที่งานAuto Car 2020ที่ประเทศอินเดีย
และประเทศไทยเป็นประเทศที่สองที่ได้นำรถยนต์คันนี้มาจัดแสดง ซึ่ง Concept H เป็นรถยนต์ต้นแบบ
ที่ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาดตามสไตล์รถเอสยูวีของ HAVAL และยังโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ เพิ่มความพรีเมียมด้วยไฟหน้า LED ดีไซน์พิเศษที่โฉบเฉี่ยวไม่เหมือนใคร พร้อมล้อ
อัลลอยด์ขนาดใหญ่ 19 นิ้วและไฟท้ายรูปตัวที (T) ภายในตัวรถเต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสแบบ Free Standing และ Touch Pad ด้านหน้าและบริเวณประตูสำหรับการควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานและระบบความปลอดภัยต่างๆ อาทิ ระบบแจ้งเตือนการชนด้านหน้าและระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ เป็นต้น และยังมาพร้อมดีไซน์สวยหรูด้วยแถบไฟ LED ที่วิ่งยาว
ตลอดคอนโซลด้านหน้า และหน้าจอสำหรับที่นั่งด้านข้างคนขับที่แสดงข้อมูลเนวิเกเตอร์แบบเรียลไทม์
พร้อมพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่
- ORA Good Catที่เข้ามาสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยดีไซน์แบบ Retro Futuristic ไฟหน้าแบบIntelligent Multi LED และพาโนรามิคซันรูฟ พร้อมล้ออัลลูมิเนียมอัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
บนแพลตฟอร์ม GWM LEMON และสามารถโลดแล่นได้ที่ระยะไกลสูงสุด 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ
หนึ่งครั้งORA Good Cat ยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง ระบบช่วยเตือน
และเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง มีระบบการเชื่อมต่อและการสั่งงานอัจฉริยะ หรือ Intelligent Connectivity ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงการควบคุมรถจากระยะไกล
- ORA Black Catรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด สามารถวิ่งได้ระยะทางถึง300 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่น่ารัก สะกดทุกสายตาผ่านเส้นสายที่เรียบง่ายตัดกับคู่สีสดใส ไฟหน้าและ
ไฟท้ายดีไซน์เป็นทรงกลมมนส่วนดีไซน์ภายในผสมผสานการดีไซน์แบบ Classic Nostalgic และ Futuristic เข้าไว้ด้วยกัน ดูล้ำสมัยแต่อบอุ่นน่ารัก ตกแต่งด้วยสีทูโทน พร้อมห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย
พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สามารถจัดเก็บได้อย่างยืดหยุ่นตอบสนองความต้องการของทุกคน พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายทั้งหน้าจอมัลติมีเดีย ขนาด 9 นิ้ว เชื่อมต่อระบบการสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น และเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
และระบบความปลอดภัยต่างๆ พร้อมถุงลมนิรภัย6 จุด
- POER EVรถกระบะไฟฟ้าที่ออกแบบมาให้ดูโดดเด่น สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ยานยนต์
ที่ทรงพลัง ดุดันด้วยกระจังหน้าแบบสปอร์ต ไฟท้ายที่โฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารที่กว้างขวางเหมือนรถเอสยูวี นอกจากนี้ ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย พร้อมกล้อง 360 องศา เซนเซอร์ด้านข้างและ
ถุงลมนิรภัย 6 จุดและให้กำลังรวม150กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) แรงบิด300 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 375 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
นอกจากนวัตกรรมยานยนต์แล้ว บูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังพร้อมต้อนรับทุกท่านด้วยกิจกรรมต่างๆ
เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้มีส่วนร่วมและสร้างประสบการณ์ที่ดีไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การสัมผัส ORA Good Cat
แบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ การจัดแสดง Smart เทคโนโลยีอย่างแพลตฟอร์ม GWM LEMON รวมไปถึงโซน Intelligent Home และ EV Tech Zone โดยทุกท่านสามารถสแกนและดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นGWM Funเพื่อร่วมสนุก
กับกิจกรรมที่มีทั้ง AR Interactiveกิจกรรม DIY สุดสนุกหรือการถ่ายภาพที่ Photo Booth และรับของที่ระลึก
รวมไปถึงบริการสุดเอกซ์คลูซีฟที่GWM Café พร้อมอาหารและเครื่องดื่มให้บริการตลอดทั้งงาน
สัมผัสรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย รวมถึงกิจกรรมดีๆที่พลาดไม่ได้ จากเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในงาน บางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมถึง 4 เมษายน 2564 ระหว่างเวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และเวลา 11.00 – 22.00 น.(วันเสาร์-อาทิตย์)ที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ บูธหมายเลข A12 อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี