สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาจัดแสดงภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ได้แก่
“Mercedes-Benz E 200 Coupé AMG Dynamic” ยนตรกรรมที่รังสรรค์ขึ้นอย่างชาญฉลาด ด้วยการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sensual Purity”ที่ผนวกความเป็นสปอร์ตคูเป้เข้ากับความหรูหราได้อย่างน่าทึ่งโดยมาพร้อมขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4สูบขนาด1,991ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 197แรงม้า พร้อมให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 7.6วินาที มอบความเร็วสูงสุดที่ 237 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz E 200 Coupé AMG Dynamicวางจำหน่ายในราคา 4,550,000 บาท
“Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamic” ยนตรกรรมสปอร์ตเปิดประทุนสุดหรูหราที่พร้อมเผยความสง่างามให้โลกได้เห็น และถ่ายทอดความสปอร์ตได้อย่างเหนือชั้นในทุกมุมมอง โดยมาพร้อมขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซิน แถวเรียง 4สูบขนาด1,991ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้แรงม้าสูงสุด 197แรงม้า พร้อมให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 7.9วินาที มอบความเร็วสูงสุดที่ 234 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Mercedes-Benz E 200 Cabriolet AMG Dynamicวางจำหน่ายในราคา 5,140,000 บาท
“Mercedes-Benz The new E-Class”รถยนต์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดของเมอร์เซเดส-เบนซ์กับดีไซน์ใหม่สุดโฉบเฉี่ยวที่พร้อมมอบทุกสิ่งที่คุณต้องการ และสะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ใหม่สุดโฉบเฉี่ยว โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4สูบขนาด1,991ซีซี ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีแบบปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชันที่ 3ให้กำลังสูงสุด 211แรงม้า พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 5.7วินาที อีกหนึ่งทางเลือกคือเครื่องยนต์ดีเซล 4สูบขนาด1,950ซีซีพร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้มาตรฐาน EURO6 ให้พละกำลัง 194 แรงม้า พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 7.3วินาที ถ่ายทอดพลังจากเครื่องยนต์อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากถึง 6.5%
Mercedes-Benz The new E-Class มีวางจำหน่าย 3รุ่น ได้แก่
- Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde ราคา 3,190,000 บาท
- Mercedes-Benz E 220 d AMG Sport ราคา 3,540,000 บาท
- Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic ราคา 3,770,000 บาท
“Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC” ยนตรกรรมคอมแพ็คเอสยูวีสายพันธุ์แรงที่มาพร้อมความอเนกประสงค์และดีไซน์สปอร์ตตามปรัชญาของ Mercedes-AMG ในทุกรายละเอียด โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4สูบขนาด 1,991 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 306 แรงม้าพร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 3,000-4,000 รอบ/นาทีจึงมอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.1วินาที
Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC วางจำหน่ายในราคา 3,190,000 บาท
“Mercedes-Benz GLE 350 de 4MATIC Exclusive”ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีรุ่นแรกในไทยที่ผสานเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเข้ากับความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์ดีเซลพร้อมเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ให้กับชีวิตด้วยเครื่องยนต์ดีเซล4สูบ ขนาด 1,950 ซีซีพร้อมเทอร์โบชาร์จเจอร์และอินเตอร์คูลเลอร์ ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชันที่ 3พร้อมมอบพละกำลังสูงสุดถึง 320แรงม้าให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0-100กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.8 วินาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC พร้อมระบบขับเคลื่อน 4ล้อที่พร้อมทลายทุกข้อจำกัดในทุกเส้นทางและตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
Mercedes-Benz GLE 350 de 4MATIC Exclusiveวางจำหน่ายในราคา 4,699,000บาท
นอกจากนี้ ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังร่วมมือกับหอการค้าเยอรมัน-ไทยและบริษัทชั้นนำจากประเทศเยอรมนีที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ประกาศเปิดโครงการ “Clean Air Initiative” อย่างเป็นทางการ ด้วยจุดมุ่งหมายในการผลักดันให้บริษัทต่าง ๆ ผลิตสินค้าและบริการที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์จะนำโครงการ “Charge to Change” ที่ได้ริเริ่มขึ้นในปีที่แล้วและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมในการช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดทั่วประเทศไทยหันมาชาร์จเพื่อเปลี่ยนโลกร่วมกัน มารวมอยู่ในโครงการ “Clean Air Initiative” ในครั้งนี้ด้วย
ผู้สนใจสามารถเข้าชมบูธเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 3เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม - 4 เมษายน 2564 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 173,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ยานยนต์ไร้คนขับ และยานยนต์ทางเลือก โดยการใช้นวัตกรรมล้ำสมัยต่าง ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และเมอร์เซเดส-มี รวมทั้งแบรนด์สมาร์ท และแบรนด์อีคิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมี่ยมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2563บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกือบ 2.4 ล้านคัน และรถตู้กว่า 438,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน2กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตกว่า 40แห่งใน 4ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองกลุ่มธุรกิจ สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม