มร. เอริค รูเก้ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยเป็นหัวใจหลักในก้าวต่อไปของแผนการขยายธุรกิจของเรา และก้าวย่างที่สำคัญยิ่งในภาพรวมของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยและด้วยข้อได้เปรียบของประเทศไทยในด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เราจึงวางกลยุทธ์ให้บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นผู้จัดหาอะไหล่และชิ้นส่วนสำหรับมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ณ โรงงานของเราที่ระยอง การลงทุนครั้งสำคัญนี้ ยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการสนับสนุนเชิงเศรษฐกิจของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ในเขตปลอดอากร หรือการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนยิ่งไปกว่านั้นบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการจ้างงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการพัฒนาทักษะแรงงาน”
ด้วยเม็ดเงินการลงทุนกว่า2,350 ล้านบาทบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ทั้งยังช่วยส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ให้ความสำคัญกับประเทศไทยในฐานะตลาดยุทธศาสตร์อีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้จดทะเบียนบริษัทอย่างเป็นทางการไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยมีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 560 ล้านบาท ด้านการก่อสร้างโรงงานผลิตอะไหล่และชิ้นส่วน คาดว่าจะเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน 2564 โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565ก่อนที่จะเริ่มต้นการผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นไป บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่ 11,000 ตารางเมตรจึงคาดว่าจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและลดขั้นตอนด้านลอจิสติกส์ลง นอกจากนี้ ยังคาดว่า บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะสามารถสร้างการจ้างงานได้ราว 200ตำแหน่ง และมีความสามารถในการผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนได้ราว 50,000 ชิ้นต่อปี