ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทยกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันความสำเร็จเป็นผลมาจากนโยบายCustomer Centricการขยายโมเดลไลน์อัพที่ทำได้อย่างรวดเร็ว กลยุทธ์เขย่าพอร์ตที่จับต้องได้จริง การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานงานบริการหลังการขายความพร้อมของอะไหล่ ความเยี่ยมยอดของคุณภาพยนตรกรรมอาวดี้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน4 ล้ออัจฉริยะ quattroที่สร้างความมั่นใจให้ทุกการขับขี่สามารถสัมผัสถึงความแตกต่างทันทีที่ได้ทดลองขับ นอกจากนี้ยังเป็นผลที่มาจากความตั้งใจจัดมาเต็มของ Super Car ในราคาที่จับต้องได้ อย่างในตระกูล RS ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม สามารถทำยอดขายได้ 200 คันภายใน 1 ปีและการนำยนตรกรรมพลังงานไฟ้ฟ้า Audie-tronรุ่นใหม่เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว นับได้ว่า อาวดี้ ประเทศไทย เป็นผู้นำยนตรกรรมหรูพลังงานไฟฟ้าที่มีรถEV ให้ลูกค้าได้เลือกมากถึง 5 รุ่น ซึ่งมีการส่งมอบAudi e-tronให้ลูกค้าไปแล้วมากกว่า100 คัน
ในส่วนของนโยบาย Customer Centricอาวดี้ได้ประกาศตั้งแต่วันแรกการให้ความสำคัญและเน้นสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้พิสูจน์ด้วยการกระทำทำให้คะแนนความพึงพอใจในส่วนการบริการหลังการขายล่าสุดสูงถึง 97% ควบคู่ไปกับการคัดสรรยนตรกรรมรุ่นใหม่ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าตลอดทั้งปีมีการจัดแคมเปญที่ให้ความคุ้มค่าและหน้าดึงดูดแบบหลากหลายอย่างต่อเนื่อง
ด้านการขยายโมเดลไลน์อัพหากย้อนไปดูในปีแรกที่เริ่มเปิดดำเนินการ อาวดี้นำรถรุ่นใหม่มาให้เลือกหลากหลายรุ่น การขยายโมเดลไลน์อัพด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้ง Performance Car และยนตรกรรมหรูอีกหลากหลาย ซึ่งเติบโตจากปีแรกถึง 300%โดยปัจจุบันอาวดี้มีรถให้เลือกสรรมากถึง 36 รุ่นย่อย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ ในเซกเมนต์ที่แตกต่างทั้งสมรรถนะ ดีไซน์ ออฟชั่น ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่า สามารถทำยอดขายได้ดีทุกรุ่น โดยเฉพาะ AudiQ7, A5,Q3, A4 Avantและ TTไอคอนตลอดกาล
และที่ช่วยเสริมแกร่งให้กับยนตรกรรมแบรนด์อาวดี้ช่วยผลักดันยอดขายของอาวดี้ให้สูงขึ้นทะลุเป้า กับการมาของยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า Audie-tronซึ่งอาวดี้เป็นผู้นำตลาด ปัจจุบันมีให้เลือกถึง 5 รุ่นย่อยและ Hi Performance Cars ตระกูลRSซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่รักความเร็ว ในราคาจับต้องได้ โดยมีให้เลือกถึง 6 รุ่น โดยเฉพาะ Audi RS4 Avant และ Audi RS 6 Avant ที่ลูกค้าเห็นชัดเจนว่าเมื่อเทียบราคากับแรงม้าแล้วถือว่าทั้งสองรุ่นคือSuper Cars ในราคาจับต้องได้จริงๆ
นอกจากนี้กลยุทธ์Product Offensiveมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และทำให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่าง ความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี ความปลอดภัย และดีไซน์ อันเป็นจุดเด่นของอาวดี้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน4 ล้อ อัจฉริยะquattro ที่ทำให้พรีเมียมเอสยูวี สุดหรู เหนือระดับ อย่างAudiQ7และAudi Q5มียอดขายดีต่อเนื่อง
อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาวดี้ ประเทศไทย เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลมาจากกลยุทธ์เขย่าพอร์ต เพื่อให้Audi เป็นรถที่Attractive & Affordableเปลี่ยนภาพจำของลูกค้า จาก Audi เป็นรถหรู นำเข้า ราคาแพง จับต้องยาก เป็น Audi รถหรู นำเข้าคุณภาพดี สวย แต่ซื้อไหว ซึ่งอาวดี้ได้มีการขยับปรับพอร์ตทันที นำเข้ารถที่มีราคาจับต้องได้เข้ามาจำหน่ายเพิ่ม ลูกค้ามีตัวเลือกที่หลากหลาย และสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างลงตัว
“กลยุทธ์นี้สร้างความสำเร็จให้อาวดี้อย่างมาก โดยปัจจุบันรถในกลุ่มที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เช่น AudiQ3 และAudi A5มียอดขายรวมถึง50% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด ขณะที่รถในกลุ่มที่มีราคาเกิน 5 ล้านบาทขึ้นไป รวมรถในตระกูล RSก็มียอดขายดีต่อเนื่องโดยในปีนี้มียอดจองรถที่มีราคาเกิน 5 ล้านบาทในสัดส่วนที่มากถึง 34%”
ปัจจัยที่สร้างความแข็งแกร่งสุดๆให้กับแบรนด์อาวดี้และขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างไม่ยากนัก คือกลยุทธ์ AfterSale นำ Sale ซึ่งอาวดี้ให้ความสำคัญตั้งแต่วันแรก โดยมีการทุ่มงบประมาณไปแล้วรวมกว่า 300ล้านบาท ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน คลังอะไหล่ศูนย์ตรวจสอบรถยนต์ก่อนส่งมอบ ระบบการจัดการ เทคโนโลยี เครื่องมือ การบริหารจัดการ และการฝึกอบรมเสริมสร้างทักษะ ทีมช่าง และบุคลากร เพื่อยกระดับคุณภาพการบริการหลังการขายให้ได้มาตรฐานสากล รองรับและสร้างการเติบโตให้กับแบรนด์ไปพร้อมๆกัน รวมถึงทีมช่างฝีมือไว้รองรับการบริการ เช่น การซ่อมบำรุงยนตรกรรมไฟฟ้านอกจากนี้ยังมีการขยายเครือข่ายโชว์รูมศูนย์บริการออกไปในภูมิภาคต่างๆ เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ยอดขายรถอาวดี้ในจังหวัดอุดร ภูเก็ต พัทยา และฝั่งธน เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด