- บริดจสโตนเริ่มใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตภายในโรงงานผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร
- บริดจสโตนคาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 50% ต่อปี (จากระดับในปี 2554)
และช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนได้ถึง45% ภายในปี 2566 ภายในโรงงานผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร
- และยังมีโรงงานอีก 3 แห่งของบริดจสโตนในประเทศไทยที่กำลังจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ภายในปี 2566 ด้วยเช่นกัน
บริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้เริ่มดำเนินการ ช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตามแผนดำเนินการในเฟสที่ 1 เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตภายในโรงงานผลิตยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นครั้งแรกของการใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ของบริดจสโตนในประเทศไทย
ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต 1 เมกะวัตต์ที่ใช้ในเฟสที่ 1 ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์ทั้งหมด 2,160 แผงซึ่งถูกติดตั้งบนหลังคาของโรงงาน สำหรับในเฟสที่ 2 บริษัทจะดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิต 4 เมกะวัตต์เพิ่มเติม พร้อมการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มีสัดส่วน40% ของพลังงานไฟฟ้าในการผลิตทั้งหมด โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2566ทั้งนี้ บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 30,000 ตันต่อปี*1(ลดลงประมาณ 50% จากระดับในปี 2554)และยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนได้ถึง45%*2 ภายในปี 2566
“นอกเหนือจากการหาโซลูชั่นเพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานแล้ว บริดจสโตนยังมุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนและความเสมอภาคให้มีมากยิ่งขึ้นในสังคมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของบริดจสโตน (ภายในปี 2593และปีต่อๆ ไป)เพื่อขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอน”มร. โชสุเกะนามิยามา กรรมการผู้จัดการบริษัท บริดจสโตน ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนเดินหน้าด้วยกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลาง (ปี 2564 – 2566)*3 ยกระดับวิสัยทัศน์เพื่อส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า ในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืนก้าวสู่ปี 2593ซึ่งกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน*4ได้กำหนดขึ้นเพื่อสนับสนุนการหมุนเวียนทรัพยากร,การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์, การใช้เศรษฐกิจหมุนเวียน และความเป็นการทางคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ
นอกจากนี้ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะยาวของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนคือการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593ในขณะที่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลางภายในปี 2573* 5กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50% ภายในปี 2573 จากระดับในปี 2554
ตามเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลางบริดจสโตนยังวางแผนดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัทไทยบริดจสโตน จำกัด และอีกสองบริษัทในเครือ คือ บริษัท บริดจสโตน สเปเชียลตี้ ไทร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท บริดจสโตน เมตัลฟา (ประเทศไทย) จำกัด ภายในปี 2566 และเมื่อเร็วๆ นี้ ไทยบริดจสโตน
ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กับบริษัท อิมแพคท์ โซล่าร์ กรุ๊ปผู้ให้บริการรายแรกและผู้นำในการให้บริการด้านโซลูชั่นระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังผลิตขนาดใหญ่ถึง9.9 เมกะวัตต์ ที่โรงงานหนองแค และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ไทยบริดจสโตนจะเป็นบริษัทที่ใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยกำลังผลิตขนาดใหญ่ที่สุดของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลก
*1คำนวณโดย"(ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ + พลังงานหมุนเวียนจากภายนอก)*2 คำนวณโดย"(ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ + พลังงานหมุนเวียนจากภายนอก) / พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2561*3 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการดำเนินธุรกิจระยะกลางของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตน กรุณาดูได้จากเอกสาร
ในเว็บไซต์ https://www.bridgestone.com/ir/library/strategy/index.html*4 บริดจสโตนประกาศกรอบแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน*5 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมระยะกลางภายในปี 2573 ของกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนกรุณาดูได้จากเว็บไซต์https://www.bridgestone.com/responsibilities/environment/