ตลอดระยะเวลาที่เชลล์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ในฐานะผู้นำด้านอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก เราได้เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืนให้กับประเทศตามยุทธศาสตร์หลักของภาครัฐ เพื่อยืนยันการมุ่งเป็น “Trusted Partner for Better Life” พันธมิตรที่วางใจได้
นายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์ประเทศไทยได้ดำเนินธุรกิจโดยนำความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงานระดับโลกมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ด้วยการผสานกลยุทธ์ สัดส่วนธุรกิจ และความมุ่งมั่นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ภายใต้เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ Powering Progress โดยริเริ่มและดำเนินโครงการต่างๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพต่อผู้ขับขี่ ลูกค้า พันธมิตรของเชลล์ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ตามเป้าหมายที่วางไว้”
ในเรื่องของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เชลล์ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงาน มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการส่งมอบพลังงานสะอาดรูปแบบต่างๆ และพลังงานทางเลือกใหม่ๆ เสมอ โดยเชลล์ประเทศไทยได้รับเลือกให้เปิดตัวสถานีต้นแบบ Site of the Future เป็นประเทศแรก เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับพลังงานสะอาด ทั้งพลังงานชีวภาพและพลังงานอื่นๆ ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นสถานีบริการแห่งแรกของเชลล์ที่ให้บริการจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า Shell Recharge เพื่อรองรับความต้องการจุดชาร์จอีวีในสถานีบริการ
นอกจากนี้เชลล์ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานระดับโลก คิดค้นเทคโนโลยีและนำนวัตกรรมมาใช้ให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึง การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ การนำเทคโนโลยีไดนาเฟล็กซ์มาใช้ในผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิง อาทิเช่น น้ำมันฟิวเซฟดีเซล ซึ่งช่วยให้เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาดและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดเขม่าไอเสีย อันเป็นสาเหตุของการเกิดควันดำและมลพิษในอากาศ การเปิดตัวพลังงานทางเลือกใหม่ในธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น ได้แก่ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้เกรด พรีเมี่ยม เชลล์ เฮลิกส์ อัลตร้า 0W สูตรใหม่ คาร์บอนนิวทรัล (Carbon Neutral) ที่ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีเพียวพลัส (PurePlus Technology) และนวัตกรรมยางมะตอยใหม่ล่าสุด Shell Bitumen FreshAir ที่ช่วยลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศโดยช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดจนฝุ่นละอองที่เกิดจากการผสมยางมะตอยในขั้นตอนการผลิตและระหว่างการปูผิวทางได้ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับการใช้ยางมะตอยทั่วไป ซึ่งเชลล์คือผู้ผลิตยางมะตอยรายแรกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอากาศ
ในส่วนของผู้ใช้พลังงาน เรามุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการทำงานของเรา เพื่อลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานภายในสถานีบริการ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาสถานีบริการน้ำมัน การใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบประหยัดไฟ รวมถึงติดตั้งหลอดไฟแอลอีดีทั้งสถานี ตลอดจนนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนกับระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเป็นระบบจัดการน้ำและของเสียในห้องน้ำ ช่วยให้ใช้งานน้ำได้อย่างคุ้มค่า และมีระบบบำบัดน้ำเสีย แยกกากของเสียไปทำปุ๋ยหมัก ช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นและแหล่งสะสมเชื้อโรค
นอกจากนี้ในส่วนของอาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาของอาคารและบริเวณที่จอดรถ ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดใช้ได้เองถึง 40% ของปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้ารวมของอาคาร ทำให้สามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงประมาณ 560 ตันต่อปีเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 25,454 ต้น