กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือดีพร้อม ขานรับมาตรการกระทรวงอุตสาหกรรมในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์ รุกจัดกิจกรรม DIPROM MOTOR SHOW ณ จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ 9 - 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อสร้างมูลค่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับภูมิภาค พร้อมทั้งผลักดันให้มีการจัดนิทรรศการและงานแฟร์ได้อย่างต่อเนื่องกระตุ้นการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ พร้อมดึงผู้ประกอบการในโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม หรือ คพอ. ในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 40 รายเข้าร่วมงาน ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเพื่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบ ซึ่งคาดว่าตลอดการจัดงานในครั้งนี้ จะมีเงินสะพัดภายในงานกว่า 115 ล้านบาท
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องด้วยไทยยังคงเป็นฐานสำคัญในการผลิตทั้งชิ้นส่วนยานยนต์ การประกอบรถยนต์ รวมถึงการผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์ ซึ่งสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปี 2564 ที่ผ่านมานั้นพบว่าเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการส่งออกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีการผลิตรถยนต์ 1.6 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 แบ่งเป็นขายในประเทศ 0.75 ล้านคัน และส่งออกต่างประเทศ 0.85 ล้านคัน ส่วนในปี 2565 ได้ประมาณการว่าจะมีการผลิตรถยนต์ 1.7-1.8 ล้านคัน ซึ่งมีปัจจัยที่สำคัญทั้งการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวมากขึ้น มาตรการส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ รวมถึงการส่งออกที่ขยายตัวตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ดังนั้น ดีพร้อม จึงได้จับมือกับสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย รวมถึงภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน ร่วมจัดงาน “DIPROM MOTOR SHOW” ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ วันที่ 9-15 กุมภาพันธ์ 2565 และเป็นครั้งแรกที่ ดีพร้อม ดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพื่อกระตุ้นตลาดยานยนต์โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ และเป็นการเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยมีค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ชั้นนำเข้าร่วมมากกว่า 15 แบรนด์ ซึ่งคาดว่าจากการจัดกิจกรรมนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบภาคการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้กว่า 100 ล้านบาท
“การส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการแข่งขันในปัจจุบัน ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้มอบนโยบายให้ ดีพร้อมเร่งยกระดับห่วงโซ่อุตสาหกรรมดังกล่าวให้สามารถแข่งขันและปรับตัวได้ทันกับกระแสโลก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนายานยนต์สู่ยานยนต์สมัยใหม่ ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ หรือแม้แต่กระทั่งยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ฯลฯ พร้อมทั้งสร้างความต่อเนื่องให้กับกระบวนการผลิต การพัฒนาทักษะให้กับบุคลากร รวมถึงการร่วมวางแผนสถานประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ภายใต้สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงผันผวน”
นายสุวัชร์ ศุภกาญจน์เดชากุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมไทย เผยว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ของอาเซียนและหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลก มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 และคิดเป็น 14% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมไทย โดยมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนกว่า 800,000 คน ซึ่งภาครัฐของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของการสร้าง Product Champion ตั้งแต่รถกระบะ 1 ตัน โครงการอีโคคาร์ 1 อีโคคาร์ 2 โครงการรถยนต์ไฮบริด จนมาถึงการส่งเสริมให้เกิดยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยซึ่งจัดตั้งขึ้นมายาวนานกว่า 40 ปีเพื่อเป็นศูนย์กลางของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่มีคุณภาพของโลก ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 130 ราย มีความยินดีที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงภาครัฐกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้เติบโตและยั่งยืนต่อไป
สำหรับความพิเศษของการจัดงาน DIPROM MOTOR SHOW ครั้งแรกนี้ นายอรรถวิทย์ เตชะวิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย กล่าวว่า เป็นการบูรณาการกันของหน่วยงานภาครัฐ นำโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ ผ่านทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โดยได้เลือกจังหวัดลำปางเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหอการค้าจังหวัดลำปาง เพื่อเพิ่มช่องทางตลาดการจำหน่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ในภูมิภาค โดยในงาน DIPROM MOTOR SHOW ที่ลำปางในครั้งนี้ ทางค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยรวมมากกว่า 15 แบรนด์ จะไปรวมตัวกันในงานนี้ เพื่อจัดแสดงและจัดจำหน่ายรถยนต์และจักรยานยนต์รุ่นใหม่ให้กับผู้เข้าร่วมชมงานพร้อมกันในที่เดียว โดยผู้เข้าชมสามารถสัมผัสกับยนตรกรรมจากค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ชั้นนำ เปรียบเทียบรุ่นต่าง ๆ รวมถึงสามารถทดลองขับขี่ และตัดสินใจซื้อหาได้ครบจบในที่เดียว ซึ่งนับเป็นการรวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งแรกในจังหวัดลำปาง