|
Land Rover เปิดตัว… All-New Range Rover Sport 2014
แลนด์โรเวอร์ เปิดตัว All-New Range Rover Sport โฉมใหม่ล่าสุด รุ่นปี 2014 โดยการจำหน่ายจะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2013 Range Rover Sport รุ่นปี 2014 นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 Range Rover Sport เจนเนอเรชั่นแรกเปิดตัวในปี 2005 ผ่านการปรับโฉม 1 ครั้งเป็นรุ่นปี 2009 รุ่นล่าสุดขอยืมเส้นสายบางส่วนมาจาก Range Rover Evoque ซึ่งดีไซน์ส่วนใหญ่เป็นฝีมือของ Gerry McGovern ผู้ออกแบบ Evoque นั่นเอง Range Rover Sport ใหม่ขยายฐานล้อให้ยาวขึ้นอีก 178 มม. ทว่าความยาวตัวรถเพิ่มขึ้นเพียง 62 มม. เท่ากับว่าการเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ไม่ได้เพิ่มความยาวของรถให้มากจนเกินความจำเป็น อีกทั้งเมือเทียบกับ Range Rover ใหม่ Range Rover Sport ยังสั้นกว่า 149 มม. สูงน้อยกว่า 55 มม. และแม้จะใช้พื้นฐานโครงสร้างทางวิศวกรรมแบบเดียวกับ Range Rover แต่ Range Rover Sport ก็มีชิ้นส่วนเฉพาะที่เป็นของตัวเองถึง 75% รวมทั้งลดน้ำหนักจากรุ่นเดิมได้ถึง 420 กก. จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบห้องโดยสารแบบ 5+2 ที่นั่ง เบาะแถว 3 ถูกซ่อนเอาไว้ในพื้นห้องบรรทุกสัมภาระ โดยเบาะแถว 2 สามารถพับได้แบบ 60/40 หรือ 40/20/40 ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ออปชั่นมีให้เลือกมากมาย อาทิ สีภายนอก 19 สี, สีภายใน 11 ธีม และ ล้ออัลลอย 9 แบบ ขนาดตั้งแต่ 19 - 22 นิ้ว เป็นต้น
ภายในติดตั้งมาตรวัดดิจิตอลขนาดใหญ่สุดๆ 12.3 นิ้ว จอทัชสกรีนบนคอนโซลกลางขนาด 8 นิ้ว ส่วนจอ Head-Up Display เป็นเทคโนโลยีใหม่ ใช้เลเซอร์ในการสร้างภาพ ช่วยให้มีคอนทราสท์ที่ดีในสภาพแสงที่ต่างกัน เช่น กลางวัน กลางคืน หรือบนถนนหนทางที่มีแสงสีต่างๆ รบกวน ชุดกันสะเทือนน้ำหนักเบา ถูกออกแบบใหม่ให้มีระยะการให้ตัวของล้อดีขึ้น ด้านหน้ามีระยะการให้ตัวรวม 260 มม. ด้านหลัง 272 มม. ส่วน air suspension เจนเนอเรชั่นที่ 5 มีฟังก์ชั่น access height สามารถลดความสูงลงได้ 50 มม. (+10 จากรุ่นก่อน) ช่วยให้ขึ้น-ลงรถง่ายขึ้น รุ่นเครื่องแบ่งเป็น เบนซิน V8 ซูเปอร์ชาร์จ 5.0 ลิตร 510 แรงม้า PS ผลิตจากอลูมิเนียมน้ำหนักเบา ปรับปรุงให้ลดการฝืดของชิ้นส่วน จ่ายเชื้อเพลิงแบบไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบแปรผันแคมชาร์ฟอิสระคู่ VCT - dual independent variable camshaft timing system ติดตั้งระบบ Start/Stop ดับเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะจอดรอ ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น 14% อัตราการคายคาร์บอนไดออกไซด์ในไอเสีย 298 กรัม/กม. บล๊อคใหม่ล่าสุดคือ เบนซิน V6 ซูเปอร์ชาร์จ 3.0 ลิตร 340 แรงม้า PS ติดตั้งระบบ Start/Stop เช่นกัน จุดเด่นอยู่ที่การลดค่า CO2 ลงถึง 24% เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่ใช้เครื่องยนต์ V8 โดยมีตัวเลขอยู่ที่ 249 กรัม/กม. ส่วนรุ่นเทอร์โบดีเซล 3.0 ลิตร มี 2 รุ่นย่อยคือ TDV6 กำลังสูงสุด 258 แรงม้า PS และ SDV6 กำลังสูงสุด 292 แรงม้า PS ทั้งคู่มีแรงบิดเท่ากัน คือ 61.1 กก.-ม. ส่วนอัตราการคาย CO2 ในไอเสีย รุ่น TDV6 ลดลง 15% เหลือ 194 กรัม/กม. รุ่น SDV6 ลดลง 13% เหลือ 199 กรัม/กม. ว่ากันตามตรง ถึงรุ่นดีเซลจะมีกำลังน้อยกว่า แต่นับว่าน่าใช้กว่ามาก ราคาหน้าโรงงาน (MSRP) สำหรับเวอร์ชั่น US รุ่น 3.0 ลิตร V6 ซูเปอร์ชาร์จ เริ่มต้นที่ 63,495 ดอลลาร์ รุ่น 5.0 ลิตร V8 ซูเปอร์ชาร์จ เริ่มต้นที่ 79,995 ดอลลาร์ ส่วนรุ่นตกแต่งพิเศษแบบหรูสุดๆ ที่แยกออกมาจากสายการผลิตปกติ Autobiography เริ่มต้นที่ 93,295 ดอลลาร์ (ราคาเมืองลองเอา 30 บาทคูณเล่นๆ ดูนะครับ)
ผู้แต่ง / แหล่งที่มา : นิตยสาร รถ Weekly
ผู้บันทึก :
กองบรรณาธิการ
date : [ 05 เม.ย. 2556 ]
|
|
error=select * from newtopic order by q_id desc |